เปิดโผ 10 หุ้น เล็งรับประโยชน์ “ฟุตบอลโลก 2022”

โบรกแนะสะสม 10 หุ้น ชูกลุ่มค้าปลีก-อาหาร-สื่อโฆษณา เล็งรับประโยชน์จาก “ฟุตบอลโลก 2022” ระหว่างวันที่ 20 พ.ย. 65 ถึง 18 ธ.ค. 65 ชี้หนุนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/65


ใกล้เข้าสู่ช่วงถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 จัดขึ้นที่กาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พ.ย. 65 ถึง 18 ธ.ค. 65 ล่าสุดคนไทยเริ่มเห็นความคืบหน้ามีโอกาสได้เห็นการถ่ายทอดฟุตบอลโลก หลังจาก “กสทช.” อนุมัติ 600 ล้าน ซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก 2022 เพื่อคนไทยทุกคน สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ทั้ง 64 นัด ผ่านฟรีทีวีทุกแพลตฟอร์ม เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการ ผู้มีรายได้น้อย และคนด้อยโอกาสให้เข้าถึง หรือรับรู้ และใช้ประโยชน์จากรายการของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ได้อย่างเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางหอการค้าไทยคาดว่าบอลโลก 2022 จะมีเงินหมุนเวียนในระบบสูงถึง 75.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนราว 0.5% ของ GDP

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ทำการศึกษาสถิติในอดีตช่วงที่มีการจัดงานฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโรในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเสมอเฉลี่ย 4.2% ซึ่งมีเพียงปี 2561 ที่ผลตอบแทนติดลบ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากประเด็น Trade War

สำหรับการจัดฟุตบอลโลกปีนี้มีความได้เปรียบ เนื่องจากปกติจัดในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. แต่ในปี 2565 จัดช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยพอดี ยิ่งเป็นแรงหนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Consumption ให้มีความน่าสนใจในการเก็งกําไรมากขึ้นแนะนําสะสมหุ้นได้รับกระแสบอลโลก พร้อมกับกําไรงวดไตรมาส 4/2565 เด่นขึ้น อย่างกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ BJC, CPALL, MAKRO, HMPRO, CRC  รวมถึงกลุ่มอาหาร ได้แก่ MINT, CENTEL และกลุ่มสื่อโฆษณา ได้แก่ BEC, ONEE, RS

ส่วนหากแยกเป็นรายตัวหุ้นข้างต้นที่มีปัจจัยบวกนอกเหนือกระแสฟุตบอลโลก 2022 อย่างกรณีของโบรกเกอร์รายอื่น สะท้อนได้จาก บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินไว้ต่อ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC คาดการณ์ภาพรวมไตรมาส 4/2565 จะเห็นการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้าตามฤดูกาล และจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยจากการเปิดรับนักท่องเที่ยว และในไตรมาส 4/2565 เป็นช่วงของไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวอยู่แล้ว รวมถึงจราจรการเดินทางที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อกลุ่ม CVS : mini BigC รวมไปถึงการซื้อขนมขบเคี้ยวของฝากใน BigC ทั้งนี้ส่งผลให้ภาพโดยรวมคาดว่าแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2565 จะยังคงเห็นการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินไว้ต่อ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL คาดการณ์ผลการดำเนินงานสูงสุดในไตรมาส 4/2565 จากช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจและการท่องเที่ยวที่หนุนรายได้ของ CVS ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการปรับราคาสินค้า

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO คาดการณ์แนวโน้มไตรมาส 4/2565 กำไรจะได้แรงหนุนหลักจาก ไฮซีซั่นในช่วงปลายไตรมาส 4/2565 หลังหมดฤดูฝนและจากสาขาในจังหวัดท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงค์จากตัวเลขนักท่องเที่ยว รวมถึงสาขาใหม่เป็นหลัก SG&A ยังโตต่อเป็นภาพเดียวกับช่วงไตรมาส 3/2565 อีกทั้ง marketing expenses ช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามจะถูกชดเชยบางส่วนด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT คาดการณ์กำไรในไตรมาส 4/2565 จะยังฟื้นตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนได้ต่อเนื่อง โดยมาจากการฟื้นตัวที่ประเทศไทยและมัลดีฟส์ แต่จะหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะผ่านช่วง Peak season ที่ยุโรปไปแล้วในไตรมาส 2/2565

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินไว้ต่อ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC คาดการณ์แนวโน้มไตรมาส 4/2565 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น ประเมิน SSSG โตประมาณ 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆโดยกลุ่มแฟชั่นจะเป็นกลุ่มหลักที่ฟื้นตัวได้โดดเด่น นอกจากนี้คาดว่าจะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมในกลุ่ม Hardline Fashion และอาหารในประเทศไทยและกลุ่ม Hardline และอาหารในเวียดนาม

อีกทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินไว้ต่อ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL คาดการณ์ผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2565 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 2% โดยได้ปรับสมมติฐานสำคัญดังนี้ 1) ปรับเพิ่ม RevPar ขึ้นอีก 6% และ 2) ปรับอัตรากำไรเพิ่มขึ้น เพราะคาดแรงกดดนอัตรากำไรของธุรกิจอาหารไม่น่าจะเป็นประเด็นอีกต่อไปในปี 2566

สำหรับ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ประเมินไว้ต่อ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ในเดือน ต.ค. ยังทรงตัวเทียบกับเดือนก.ย. สำหรับในเดือน พ.ย.-ธ.ค. มีลุ้นสื่อโฆษณาจะกลับมาจากคาดการท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมา และหลังจากการอั้นการใช้สื่อโฆษณามาใช้ในไตรมาส 4/2565 เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี

โดยยังคงประมาณการเดิมคาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาปี 2565 ที่ 68% และปี 2566 ที่ 70% และคาดค่าโฆษณาปี 2565 อยู่ที่ 77,000 บาท/นาที แต่คาดปีหน้าจะกลับมาเพิ่มขึ้น 5% จากคาดภาพรวมเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว มองว่ารายได้จาก Digital Platform ปีนี้ 700 ล้านบาท และคาดปี 66 เพิ่มขึ้น 10% จากการขายคอนเทนท์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น

บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE คาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 คาดทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้สื่อโฆษณาในเดือน ต.ค.2565 ยังทรงตัวเทียบกับเดือน ก.ย. 2565 และคาดงานอีเว้นท์ 6-8 งานในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม คาดรายได้จากการขายลิขสิทธ์คอนเทนต์ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 13% และในปี 2566 เพิ่มขึ้น 10%  ในส่วนรายได้การผลิตคอนเทนต์คาดในปี 2565 เพิ่มขึ้น 26% และในปี 2566 เพิ่มขึ้น 25%

ทั้งนี้ประเมินปี 2566 จะกลับมาดีขึ้นหลังคาดสถานการณ์เศรษฐกิจที่จะเริ่มฟื้นตัว รวมถึงคาดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามงานอีเว้นท์

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ประเมินไว้ต่อ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO คาดการณ์แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังฟื้นตัว จากการที่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าหลักกลับมาเปิดธุรกิจตามปกติ

Back to top button