โบรกปรับเป้า NER ใหม่ 9 บ. ชูปันผลจูงใจ 8% จับตากำไร Q4 โตต่อ

โบรกแห่แนะนำ “ซื้อ” หุ้น NER ปรับเป้าใหม่ 9 บ. อัพไซด์เฉียด 54% พร้อมชูปันผลจูงใจ 7-8% จับตาไตรมาส 4/65 ส่งมอบสินค้าตามเป้า ลุ้นกำไร 600 ลบ. โตดีกว่าไตรมาส 3/65


ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ทยอยรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมา 3/65 และงวด 9 เดือนปี 65 ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ซึ่งในไตรมาส 3/65 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 528.88 ล้านบาท เติบโต 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 440.30 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายรวม 7,221.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.47 ล้านบาท

เนื่องจากทิศทางราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2565  และบริษัทสามารถจัดการต้นทุนขายได้ดี รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนจัดจำหน่ายและมีป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น ส่วนงวด 9 เดือนปี 65 มีกำไรสุทธิ 1,379.97 ล้านบาท เติบโต 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,245.64 ล้านบาท

นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น NER ใหม่ สะท้อนผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/65 ที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 4/65 คาดจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย บล.ยูโอบี เคย์เฮียน คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานของ NER ในช่วงไตรมาส 4/65 ที่ราว 600 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการเร่งส่งมอบสินค้าตามเป้า ขณะที่ระยะถัดไปแม้คาดอาจเห็นผลลกระทบราคายางที่ลดลง ในช่วงครั้งแรกของปี 66 แต่จะชดเชยได้จากปริมาณขายที่ขยายตัว และต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลง ภาพรวมจึงยังคงคาดกำไรปกติปี 66 เติบโต 11% เมื่อเทียบจากปีก่อน ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมีการ roll over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 8.3 บาท จากเดิม 7.5 บาท ยังมี Upside ลงทุนเปิด และปันผลน่าสนใจ 7-8% ต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ส่วน บล.เอเซีย พลัส คาดกำไรสุทธิของ NER งวดไตรมาส 4/65 จะเติบโตจากงวดไตรมาส 3/65 จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น และคาด gross margin งวดไตรมาส 4/65 จะยังดีต่อเนื่องคาดกำไรสุทธิปี 66 จะเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่า ฝ่ายวิจัยจะปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 9 บาท อิง PER ที่ 8 เท่า ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 15% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สะท้อนความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จนล่าสุดมีค่า PER ปี 66 เพียง 5 เท่า มี Upside อีกกว่า 51% และยังสามารถคาดหวัง DivYields ได้กว่า 7% จึงยังแนะนำ “ซื้อ”

ขณะเดียวกัน บล.พาย คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น NER โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 8.9 บาท ด้วยปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ออกมาดีเกินคาด หลังจากได้รับผลดีจากราคาขายและปริมาณขายที่อยู่ในระดับสูง และทำให้กำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 13.4% ขณะที่แนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/65 คาดปริมาณขายยังดีหนุนกำไรให้สูงกว่า 500 ล้านบาท ได้ ส่วนแนวโน้มในอนาคตด้วยค่ายรถจากจีนมาตั้งโรงงานในไทยเพิ่มหนุนความต้องการยางให้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

Back to top button