เปิด 16 บจ. วางมาร์จิ้นสูงเกิน 30% เดือน ต.ค.! MORE แตะ 49%

เปิดโผ 16 อันดับ บจ. วางหุ้นประกันวงเงิน ”มาร์จิ้น” สูงสุดเดือน ต.ค. นำทีม GPI, YGG, MORE, SAAM, PRIME, TFG, SCM, NRF, OTO, SA, KUN, IP, TAPAC, SFLEX, III และ DOD


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่มีการเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวข้องกับการซื้อข่ายอย่างผิดปกติจากหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE  เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 65 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกมาตรวจสอบ หลังพบความผิดปกติที่ส่อเข้าข่ายผิดหลักการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา

รวมทั้ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยว่า การออกคำสั่งอายัดทรัพย์เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการกระทำผิดฉ้อโกงจากการซื้อขาย MORE วงเงินกว่า 5,300 พันล้านบาท จำนวน 34 รายการ เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน สืบเนื่องจากมีโบรกเกอร์หลายแห่งเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ MORE และบุคคลที่เกี่ยวข้องได้หลอกลวงบริษัทหลักทรัพย์ให้หลงเชื่อว่า จะชำระค่าหุ้น MORE และ MORE-R จึงทำให้อนุมัติสินเชื่อให้ จนโบรกเกอร์บางรายเกิดความเสียหายจากวงเงินปล่อยมาร์จิ้น

แน่นอนว่าผลกระทบจากหุ้น MORE ทำให้โบรกฯเกอร์หลายแห่งต้องกลับมาทบทวนลดวงเงินปล่อยมาร์จิ้นหุ้นขนาดเล็กเหลือ 30-40% ของมูลค่าหุ้นเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาเช่นเดียวกับกรณีของหุ้นมอร์ฯที่มีเงินมาร์จิ้นสูงจนเกิดความเสียหายยังราคาหุ้นนั้นเอง

สะท้อนจากข้อสรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน การชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น สำหรับเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2565 พบว่าบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE มีจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันในบัญชีมาร์จิ้นของลูกค้าจำนวน 3,221.08 ล้านหุ้น โดยจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันต่อจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ 49.32% นับว่าสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของจำนวนหุ้นที่มีมาร์จิ้นทั้งหมด

นอกจากนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลถิติสำคัญของ ตลท. ซึ่งได้สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น สำหรับเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2565 มีทั้งหมด 911 บริษัท แต่มีการคัดมาเพียง 16 บริษัทที่มีจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันในบัญชีมาร์จิ้นของลูกค้าเกิน 30% ประกอบด้วย GPI, YGG, MORE, SAAM, PRIME, TFG, SCM, NRF, OTO, SA, KUN, IP, TAPAC, SFLEX, III และ DOD ดังตารางประกอบ 

อันดับ 1 บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 51.47% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 308,792,277หุ้น

อันดับ 2 บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 51.36% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 309171392.5 หุ้น

 อันดับ 3 บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 49.32% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 3,221,080,977 หุ้น

 อันดับ 4 บริษัท เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 42.18% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 126,546,800 หุ้น

อันดับ 5 บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 41.77% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 1,777,167,092 หุ้น

อันดับ 6 บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 40.80% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 2,306,894,320 หุ้น

อันดับ 7 บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 40.53% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 243,189,300 หุ้น

อันดับ 8 บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 38.60% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 547,147,674 หุ้น

อันดับ 9 บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 38.37% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 214,883,289 หุ้น

อันดับ 10 บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 38.02% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 450,828,852 หุ้น

อันดับ 11 บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN  มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 36.39% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 249,806,899 หุ้น

 อันดับ 12 บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 36.08% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 134,386,848 หุ้น

อันดับ 13  บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน)  หรือ TAPAC มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 35.71% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 147,056,472 หุ้น

อันดับ 14 บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน)  หรือ SFLEX มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 34.63% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 283,987,316 หุ้น

อันดับ 15 บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 34.63% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 283,987,316 หุ้น

อันดับ 16 บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD มีสัดส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกัน ต่อ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 31.23% และมีหลักทรัพย์วางประกันในบัญชีมาร์จิ้นจำนวน 128,049,729 หุ้น

Back to top button