คัด 6 หุ้นหลบภัย! รับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย

คัด 6 หุ้นหลบภัย! รับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย เน้นหุ้นโรงไฟฟ้า-ประปา นำทีมเด่น TTW-BGRIM-GPSC-GULF-AOT-BEM


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  สถานการณ์เศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะถดถอย (Recession) ในหลายๆประเทศทั่วโลก กดดันความต้องการซื้อของผู้บริโภคในสินค้าและบริการหลายภาคส่วน ส่งผลให้ความต้องการใช้ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามจะมีกลุ่มหนึ่งที่ภายใต้เศรษฐกิจที่ผันผวนจะได้รับผลกระทบน้อยสุดได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค (Utilities) เพราะถือเป็นสิ่งจําเป็นที่ทุกคนต้องใช้ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร

ดังนั้นภายใต้ภาวะการณ์ปัจจุบันกลุ่มโรงไฟฟ้า และประปา คาดจะได้รับผลกระทบน้อยสุด และสามารถรักษาฐานกําไรให้อยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง จึงแนะนํา กลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่มดังแสดงในตารางและกลุ่มธุรกิจน้ำประปาแนะนํา บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ราคาพื้นฐาน10.00 บาท

นอกจากนี้ในกลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีปัจจัยบวกจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ทยอยปรับตัวลดลง ขณะที่ค่า Ft มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือทรงตัวในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากําไรในส่วนของที่ขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น มีรายละเอียดแต่ละบริษัทดังนี้

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ราคาเป้าหมาย 40 บาท (สัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรมราว 23% ของรายได้ขายไฟฟ้าโดยรวม) ค่า ft ที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 สตางค์ จะส่งผลให้บริษัทฯมีกําไรเพิ่มขึ้นราว 21 ล้านบาท/ปี ขณะที่ราคาก๊าซฯที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 บาท/ล้านบีทียู จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกําไรลดลงราว 17 ล้าน บาท/ปี

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาเป้าหมาย 76 บาท (สัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรมราว 26% ของรายได้ขายไฟฟ้าโดยรวม) ค่า ft ที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 สตางค์ จะส่งผลให้บริษัทฯมีกําไรเพิ่มขึ้นราว 60 ล้านบาท/ปี ส่วนราคาก๊าซฯที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 บาท/ล้านบีทียู จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกําไรลดลงราว 30 ล้านบาท/ปี

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาเป้าหมาย 65 บาท (สัดส่วนกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมราว 14% ของรายได้ขายไฟฟ้าโดยรวม)ค่า ft ที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 สตางค์ จะส่งผลให้บริษัทฯมีกําไรเพิ่มขึ้นราว 30 ล้านบาท/ปี ส่วนราคาก๊าซฯที่ปรับขึ้นทุกๆ1บาท/ล้านบีทียูจะส่งผลให้บริษัทมีกําไรลดลงราว 12 ล้านบาท/ปี

รวมถึงกลุ่มคมนาคม ได้แรงหนุนจากการทยอยเปิดประเทศ เสริมด้วยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยเพิ่มขึ้นทุกเดือน หนุนการจราจรหนาแน่นขึ้นตามลำดับ ถือเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนหุ้นสนามบิน รถไฟฟ้า ทางด่วน ซึ่งมีเกราะป้องกัน Recession อย่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาเป้าหมาย 80 บาท, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ราคาเป้าหมาย 12 บาท : กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนผ่านตัวเลข Google Mobility ที่ชี้วัดการเข้าถึงของผู้คนบนระบบขนส่งมวลชนที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลบวกโดยตรงต่อ BEM ในฐานะผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้และทางด่วนสำคัญในกรุงเทพ

โดยจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเฉลี่ยเดือน ต.ค. อยู่ที่ 3.4 แสนเที่ยว/วัน เทียบเท่า 80% กับช่วงเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เช่นเดียวกับจำนวนผู้ใช้ทางด่วนเฉลี่ยเดือน ต.ค. ที่อยู่ที่ 1.0 ล้านเที่ยว/วัน เทียบเท่า 83% กับช่วงเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด พร้อมกระแสเชิงบวกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกที่คาดหวังว่า BEM จะเซ็นสัญญากับ รฟม. ในเวลาไม่นานจากนี้

รวมถึง Upside เพิ่มเติมจากโครงการใหม่ๆในอนาคต ทั้งโครงการ Double Deck เพื่อเพิ่มพื้นที่จราจรบนทางด่วน และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ที่ BEM น่าจะ เจรจาตรงกับ รฟม.เพื่อรับเป็นผู้ดำเนินการเดินรถ ภายใต้แนวคิด “One Line One operator” เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงทั้งเส้นทาง

Back to top button