NER ย้ำรายได้ปีนี้ 3 หมื่นล้าน รับยอดขายพุ่ง โบรกเชียร์ “ซื้อ” เป้า 9 บ.

NER ปักธงรายได้ปี 66 แตะ 3 หมื่นล้าน ยอดขายรวม 5 แสนตัน เดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้าอินเดีย ไตรมาส 1 เตรียมส่งออกแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์เต็มรูปแบบ โบรกเชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9 บ.


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ออกบทวิเคราะห์ประเมิน บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 จะเติบโตจากไตรมาสก่อน รับปัจจัยบวกจากปริมาณขายยางพาราที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง NER ถือเป็นหุ้นกำไรเติบโตสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 6% ต่อปี จึงแนะนำ “ซื้อ” พร้อมกำหนดราคาเป้าหมาย 9 บาท

ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า อุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ยางได้ฟื้นตัว สะท้อนจากราคายางได้ปรับตัวขึ้นขึ้นต่อเนื่อง 21.6% จากจุดต่ำสุดในเดือน พ.ย.65 และมีแนวโน้มฟื้นต่อผลักดันจากผู้บริโภคยางรายใหญ่ของโลกอย่างจีน จึงคาดกำไร NER ปี 66 จะไต่ระดับขึ้นอย่างโดดเด่น อีกทั้งคาด NER จะมอบเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 65 ราว 0.36 บาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 5.6% ยังคงแนะนำทยอย “ซื้อ” สะสม ที่ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท

ส่วน บริษัท หลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ประเมินว่า รายได้ไตรมาส 4/65 ของ NER จะอยู่ที่ 8,411 ล้านบาท จากปริมาณการขาย 1.5 แสนตัน ราคาขายเฉลี่ย 56 บาท เนื่องจากผู้บริหารยังคงเป้าปริมาณขายปี 65 ที่ 4.50-4.60 แสนตัน โดยช่วง  9 เดือนมีปริมาณการขายรวม 3.1 แสนตัน จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.15 บาท ซึ่งคาด NER จะมอบเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 65 ไม่น้อยกว่า 0.36 บาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 5.4%

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ยังคงเป้าปี 66 มียอดขายรวมที่ 5 แสนตัน รายได้ราว 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปริมาณออเดอร์จากลูกค้าเพิ่มขึ้น ยอดส่งออกสินค้ามีความคล่องตัวมากขึ้น จากสถานการณ์ที่ประเทศจีนเปิดประเทศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 66

อีกทั้งบริษัทจะขยายตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดียมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญากลุ่มลูกค้าใหม่ ในอินเดียเพิ่มขึ้นอีก 5 ราย ตั้งเป้าในปี 66 จะมียอดขายจากอินเดีย 5 หมื่นตันหรือคิดเป็น 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมดจากการที่จีนเริ่มเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายยางพาราของบริษัท

โดยไตรมาส 1/66 บริษัทจะเริ่มส่งออกแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์อย่างเต็มรูปแบบ โดยขณะนี้มีออเดอร์แรกที่รอส่งให้ลูกค้าในญี่ปุ่นแล้ว คาดทั้งปี 66 จะมีรายได้ในส่วนนี้ 300 ล้านบาท

สำหรับแผนงานในปี 66 บริษัทมีแผนการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มกำลังผลิตสินค้ามากขึ้น รวมถึงมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าสำเร็จรูป (สินค้าปลายน้ำ) อื่นๆ ที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเปิดตัวสินค้าสำเร็จรูปในปี 66 ซึ่งจะทำให้สัดส่วนยอดขายสินค้าปลายน้ำจะเติบโตขึ้นตามลำดับ

Back to top button