JR วางเป้าปี 66 รายได้โต 20% จับตาไตรมาส 2 นิวไฮ

JR ตั้งเป้าปี 66 รายได้โต 20% ลุ้น Backlog ทั้งปีกว่า 3 พันล้าน ขณะที่ไตรมาส 2/66 และไตรมาส 3/2566 จะสามารถรับรู้รายได้เติบโตแกร่งสุด ขณะที่ก่อนหน้ามีแบ็กล็อกราว 1.06 หมื่นล้านบาท


นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร และจำหน่ายอุปกรณ์รวมถึงบริการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้ของโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงแยกลำสาลี-ถนนเทพารักษ์ และโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าลงใต้ดินโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูเป็นหลัก

โดยเป็นผลจากงานในมือ (Backlog) เดิมจากสิ้นสุดไตรมาส 3/2565 ที่คาดว่าจะรับรู้ในปี 2566 จำนวน 1,864.63 ล้านบาท  โดยมาจาก 1.รายได้จากธุรกิจรับเหมาวางระบบจำนวน  1,856.51 ล้านบาท แบ่งเป็น งานระบบไฟฟ้าจำนวน 1,709.17 ล้านบาท และระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศจำนวน 147.34 ล้านบาท และ2.รายได้จากการให้บริการซ่อมบำรุงรักษาจำนวน 8.12 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนรับรู้รายได้ในปี 2566 จากธุรกิจ อย่าง 1.ธุรกิจรับเหมาวางระบบจำนวน 1,880 ล้านบาท แบ่งเป็น งานระบบไฟฟ้าจำนวน 830 ล้านบาท, งานระบบไฟฟ้าจำนวน 700 ล้านบาท และระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศจำนวน 350 ล้านบาท รวมทั้งธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงรักษา 26.8 ล้านบาท

ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 จะส่งผลให้รับรู้รายได้รวมราว 1,906.80 ล้านบาท โดยแยกแผนประเภทธุรกิจที่คาดว่าจะทยอยรับรู้เข้ามาอย่างต่อเนื่องแต่ละไตรมาส โดยไตรมาส 1/2566 จะรับรู้รายได้จากโครงการสายสีเหลือง และโครงการสายสีชมพูบางส่วน โดยแยกเป็นส่วนของงานระบบไฟฟ้าราว 185 ล้านบาท งานระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทศโนโยนี่สารสนเทศราว 50 ล้านบาท รวมรายได้ประมาณ 235 ล้านบาท

ขณะที่ไตรมาส 2/2566 รับรู้รายได้จากโครงการสายสีเหลือง, โครงการสายสีชมพู, งาน BGRIM ที่นิคมอมตะ, งานหินกองโรงไฟฟ้าที่ราชบุรี และงานหมอชิตคอมเพล็กซ์ โดยรับรู้จากงานระบบไฟฟ้าราว 20 ล้านบาท งานระบบไฟฟ้าราว 700 ล้านบาท  และธุรกิจให้บรการซ่อมบำรุงรักษาราว 19 ล้านบาท รวมงานดังกล่าวรับรู้รายได้ประมาณ 739 ล้านบาท

รวมถึงไตรมาส 3/2566 โครงการสายสีเหลือง และโครงการสายสีชมพู เฟสใหม่ เป็นต้น ซึ่งมาจากงานระบบไฟฟ้าราว 615 ล้านบาท และไตรมาส 4/2566 คาดว่ารับรู้ในส่วนของงานระบบไฟฟ้าราว 10 ล้านบาท งานระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยี่สารสนเทศราว 3000 ล้านบาท และส่วนของธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงรักษาราว 7.80 ล้านบาท รวมงานทั้งหมด ราว 317.80 ล้านบาท

ส่วนโครงการที่ทำร่วมกับ EA ปีที่แล้วดำเนินการไปแล้ว 28 สถานี ลงทุนสถานีเฉลี่ย 2-5 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้มากกว่า 50 จุด และในไตรมาส 2/2566 ได้มีการยื่นประมูลงานของ EGAT ที่เขื่อนภูมิพล ร่วมกับบริษัทซีเมนท์ มูลค่างานกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2565 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปิดซองด้านเทคนิค นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายงานไปยังธุรกิจด้านปิโตรเคมีช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้มีการเซ็นสัญญาร่วมกับไทยออยมูลค่าประมาณ 80 กว่าล้าน เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าปี 2566 จะมี Backlog เพิ่มขึ้นอีกกว่า 3,000 ล้านบาท สามารถผลักดันรายได้ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะที่ภาพรวมของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตามหากดูงานในมือ  (Backlog) มูลค่าตามสัญญาคงเหลือคาดว่าจะรับรู้ ณ สิ้นไตรมาส 4/2565 ถึงปัจจุบันแตะที่ 10,604.14 ล้านบาท

Back to top button