SABUY ปักธงรวบ “SINGER” 15% ปีหน้ารายได้โตสนั่น “แสนล้าน”

SABUY ปักธงรวบ SINGER รวมถือ 15% หลังเข้าซื้อ 4% ช่วงราคานิวโลว์ ย้ำธุรกิจเติบโตแกร่ง ประกอบกับเป็นบริษัทที่มีคุณลักษณะของฐานทุนที่ตรงกับเกณฑ์ เนื่องจากมีหนี้น้อย ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ระดับ 0.3-0.4 เท่า มีสภาพคล่องที่ระดับ 7,200 ล้านบาท มั่นใจปีหน้ารายได้โตสนั่น "แสนล้าน"  


นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยผ่าน “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ในปี 2567 บริษัทเชื่อว่าจะมีรายได้รวมเติบโตแตะระดับ 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 8-12% ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2566 อนุมัติการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เพิ่มอีกจำนวนไม่เกิน 87,951,300 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 2,374.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 10.70% ของจำนวนหุ้นชำระแล้ว ผ่านกระดานซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ เมื่อรวมการซื้อหุ้นสามัญของ SINGER ในครั้งแรก ตามมติการลงทุนเพื่อบริหารสภาพคล่องที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2566 จะทำให้ SABUY มีการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ SINGER จำนวนไม่เกิน 123,351,300 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 3,330.49 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 15% ของจำนวนหุ้นชำระแล้ว โดยบริษัทจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 26 เมษายน 2566

สำหรับ SINGER เป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ซิงเกอร์” เช่น จักรเย็บผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้านต่างๆ นอกจากนี้ ยังจำหน่ายสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร ตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือออนไลน์ ตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญ เป็นต้น ผ่านร้านค้าปลีก ซึ่งเป็นสาขาของ SINGER เอง และผ่านทางตัวแทนจำหน่ายต่างๆ เป็นโอกาสในการขยายช่องทางการขายให้กับพันธมิตรของกลุ่ม SABUY เพิ่ม

ขณะที่ยอดขายของ SINGER มากกว่า 80% ของยอดขายเป็นการขายแบบเช่าซื้อ โดย SINGER ให้เช่าซื้อผ่านบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SINGER ถือหุ้น 74.92%) ซึ่งในส่วนของ SABUY ก็มีพอร์ตของธุรกิจ Financial Services (บริการทางการเงิน) และ Payments (การชำระเงิน) ที่จะ Synergy ร่วมกันได้

ดังนั้น จึงทำให้บริษัทเล็งเห็นว่าธุรกิจของ SINGER สามารถต่อยอดธุรกิจของบริษัท และจะช่วยทำให้บริษัทสามารถผนึกกำลังกับธุรกิจอื่นๆ ของ SINGER เพื่อการขยายขอบเขตการลงทุนและกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต รวมถึงโอกาสในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าได้ จึงมีความเห็นว่าบริษัทควรเปลี่ยนแนวทางจากการลงทุนระยะสั้นตามนโยบายการลงทุนและกรอบวงเงินลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2566 มาเป็นการลงทุนระยะยาว

นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่า หาก SABUY เข้าซื้อหุ้น SINGER ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากจะช่วยเพิ่มช่องทางการขายให้กับบริษัทในเครือของ SABUY แล้ว ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นใน SINGER ด้วย โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสด และจะมีการขายสินทรัพย์บางรายการเพื่อนำเงินมาต่อยอดธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (interest bearing debt to equity : IBD/E) อยู่ที่ระดับ 0.4 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน SABUY ถือหุ้น SINGER ในสัดส่วน 4.30% ตามนโยบายการลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2566 แต่เห็นถึงโอกาสในการ Synergy ร่วมกัน โดย SINGER มีช่องทางการขายแข็งแกร่ง ประกอบกับเป็นบริษัทที่มีคุณลักษณะของฐานทุนที่ตรงกับเกณฑ์ เนื่องจากมีหนี้น้อย ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ระดับ 0.3-0.4 เท่า มีสภาพคล่องที่ระดับ 7,200 ล้านบาท พร้อมกับมีสินทรัพย์ 25,500 ล้านบาท

อีกทั้ง สิ่งสำคัญ SINGER มีความตั้งใจในการทำธุรกิจอย่างจริงจัง มองว่าธุรกิจจะขยายไปถึงทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะเห็นว่าโครงสร้างของซิงเกอร์เป็นบริษัทที่แข็งแรง

ดังนั้นการที่ SABUY เข้าไป 4% แล้วขอซื้อเพิ่มเป็น 15% ถ้าหลังจากทำรายการครบ 15% แล้วสำเร็จ คาดควรมีแผนการดำเนินงานไม่ว่าจะเป็นสินค้าของบริษัทที่เข้าไปขายในช่องทาง SINGER และสินค้าของซิงเกอร์ที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ การที่ SABUY ประกาศลงทุน 15% ใน SINGER เป็นการที่มีความเชื่อมั่นในบริษัทซิงเกอร์และกลุ่มเจมาร์ท ซึ่งต้องหาโอกาสทำร่วมกัน โดยคิดว่าผู้ถือหุ้นบริษัทจะได้ประโยชน์อย่างที่พิสูจน์มาแล้วจากเข้าไปถือหุ้นใน TSR และ AS

อย่างไรก็ตามการเข้าถือหุ้นใน SINGER เสร็จแล้วก็จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นประมาณเดือนปลายเมษายน ต้องบอกว่าได้ธุรกิจ เอสจี แคปปิตอล SCG ซึ่งปีนี้ SINGER ถืออยู่ 74% โดยบริษัทศึกษาความเชื่อมโยงความสัมพันธ์อย่างครบถ้วนแล้ว โดยตั้งเป้าอีก 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทจะเติบโตแข็งแกร่งที่จะขยายไปเรื่อย

สำหรับ SABUY เข้าไปลงทุนในหุ้น SINGER เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ราคาลงไปทำนิวโลว์ แล้วแล้วมีสภาพการซื้อขายวันนั้นกว่าล้านหุ้น ซึ่งบริษัทได้ลงทุนวันนั้นวันเดียว 4% กว่าในกระดาน ราคาวันนั้นเข้าต่ำกว่าบุ๊คแวลูอีกโดยอยู่ประมาณ 21.80 บาท แต่ทางบริษัทฯได้ประมาณ 0.9 บาท ต่ำกว่า 20 บาท จึงมองว่าเป็นโอกาสสำหรับบริษัทในการเข้าซื้อ

Back to top button