“ทองฟิวเจอร์” พุ่งทะลุ 1,950 เหรียญ กังวลโดมิโนแบงก์สหรัฐ-ยุโรปล้ม

นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ดันราคา “ทองฟิวเจอร์” พุ่ง 1.46% ทะลุ 1,950 เหรียญ กังวลวิกฤตโดมิโนแบงก์สหรัฐ-ยุโรปล้ม แถมได้ปัจจัยบวกจากดอลลาร์อ่อนค่า-บอนด์ยีลด์ร่วง


ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ แตะระดับ 1,950 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารสหรัฐและยุโรป

โดย ณ เวลา 20:40 น. ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. บวก 27.3 ดอลลาร์ หรือ 1.46% สู่ระดับ 1,950.3 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

โดยราคาหุ้นของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ ดิ่งลงเกือบ 20% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ แม้ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐประกาศอัดฉีดเม็ดเงินรวมกันถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ FRB

ทั้งนี้ ธนาคารขนาดใหญ่ในวอลล์สตรีทได้ตกลงที่จะฝากเงินใน FRB เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ทางธนาคาร โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน จะฝากเงินใน FRB รายละ 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ จะฝากเงินรายละ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล, พีเอ็นซี, ยูเอส แบงคอร์ป, สเตทสตรีท และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน จะฝากเงินใน FRB รายละ 1 พันล้านดอลลาร์

ส่วน FRB เป็นธนาคารที่มีปริมาณเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาลสหรัฐสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และซิกเนเจอร์ แบงก์ ซึ่งถูกปิดกิจการไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนมากพากันโยกย้ายเงินฝากออกจาก FRB ไปยังธนาคารขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ราคาหุ้นของธนาคารเครดิต สวิส ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ดิ่งลงกว่า 7% ก่อนเปิดตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของทางธนาคาร แม้ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศให้การสนับสนุนทางการเงินต่อเครดิต สวิส

ด้านนายชาร์ลส์-อองรี มองโช หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของธนาคาร Syz Bank กล่าวว่า ธนาคารกลางควรมีการดำเนินการมากขึ้นเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเครดิต สวิส

มาตรการสนับสนุนจากธนาคารกลางสวิสยังคงไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เครดิต สวิสหลุดจากปัญหาอย่างสิ้นเชิง โดยควรมีการค้ำประกันเงินฝากทั้งหมดของเครดิต สวิส และควรมีการอัดฉีดเงินทุนเพื่อให้เครดิต สวิสทำการปรับโครงสร้าง” นายมองโชกล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และสำนักงานกำกับดูแลตลาดการเงินสวิตเซอร์แลนด์ ให้คำมั่นว่าจะจัดหาสภาพคล่องเพื่อช่วยเหลือเครดิต สวิส หากมีความจำเป็น และยืนยันว่า เครดิต สวิส มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ด้านเงินทุนและสภาพคล่องที่มีการกำหนดไว้สำหรับธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบ หลังจากที่เครดิต สวิสประกาศขอกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จำนวน 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ภายใต้โครงการจัดหาเงินกู้แบบครอบคลุมและการจัดหาสภาพคล่องในระยะสั้น

หุ้นเครดิต สวิส ดิ่งสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ หลังธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank) หรือ SNB  ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ประกาศว่า SNB ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินต่อเครดิต สวิส เนื่องจากจะทำให้ SNB ถือหุ้นในเครดิต สวิสมากกว่า 10% ซึ่งจะเป็นการทำผิดกฎระเบียบธนาคาร

เครดิต สวิสเปิดเผยว่า ธนาคารขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.32 พันล้านฟรังก์สวิส ส่งผลให้ยอดขาดทุนตลอดทั้งปีอยู่ที่ 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส นอกจากนี้ ลูกค้าแห่ถอนเงินฝากมากกว่า 1.10 แสนล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวของธนาคารในการทำผิดกฎระเบียบ และความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี

Back to top button