ลุ้น HMPRO วิ่ง รับกำไร Q1 ทะลุ 1.6 พันล้าน โบรกแนะซื้อเป้า 15.90 บ.

ลุ้น HMPRO วิ่ง รับกำไรไตรมาส 1 ทะลุ 1.6 พันล้าน โต 6%  จากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.51 พันล้าน เหตุรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 1.7 หมื่นล้าน พ่วงรายได้ค่าเช่าหนุนแกร่ง โบรกแนะซื้อเป้า 15.90 บาท


บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ HMPRO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 ดังนี้

สำหรับผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 18,251.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,579.35 ล้านบาท หรือ9.47% ซึ่งประกอบไปด้วย 1.รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 17,223.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,462.53 ล้านบาท หรือ 9.28% เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศสำหรับบางภูมิภาค จากการกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของภาคการ ท่องเที่ยวหลังจากการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาส 1 โดยมีการจัดงาน Home Pro Expo 2023 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีรวมถึง กิจกรรม Double Day และกิจกรรม ส่งเสริมการขายอื่นๆผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้กับลูกค้าจากช่อง ทางการซื้อสินค้าและบริการที่หลากหลายขึ้น

2.รายได้ค่าเช่าไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 476.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.08 ล้านบาท หรือ 16.08% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการ จัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว ได้แก่ พื้นที่ภาคใต้เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และ 3.รายได้อื่นจำนวน 551.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.74 ล้านบาท หรือ 10.13% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขาและช่องทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำ “ถือ” หุ้น HMPRO ให้มูลค่าที่เหมาะสม 14.70 บาท ประเมินไตรมาส 1/2566 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565  หรือคิดเป็น 22% ของประมาณการทั้งปี 2566 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 7,321 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 6,217 ล้านบาท และมียอดขายรวม 71,801 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ที่มียอดขายรวม 69,289 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 ประเมินกำไรสุทธิ 8,000 ล้านบาท เติบโตเมื่อเทียบกับปี 2566 และมียอดขายรวม 74,204 ล้านบาท เติบโตเมื่อเทียบกับปี 2566

ทั้งนี้คาดว่ายอดขายต่อสาขา (SSSG) ของ HMPRO ในไตรมาส 1/2566 จะมากกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคำแนะนำของผู้บริหาร 3-5% ในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทเปิดตัว 3 ร้าน Mega home ที่ รัตนาธิเบศร์ ติวานนท์ และบางพลี และมีแผนเปิดตัวอีก 10 สาขาในปี 2566 อย่างไรก็ตาม HMPRO จะประกาศผลการดำเนินการในไตรมาส 1/2566 ในวันที่ 25 เม.ย. 2566 นี้ และประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 3 พ.ค. 2566

นอกจากนี้มองว่า HMPRO ควรจะเป็นบริษัทเดียวในกลุ่มที่เป็นบวกในส่วนของยอดขายต่อสาขาเดิม  โดยไตรมาส 1/2566  คาดว่า HMPRO จะสร้างการเติบโตในระดับ mid-single digit ประมาณ 5% โดยเดือน ก.พ. 2566 เป็นเดือนที่แข็งแกร่งหลังสิ้นสุดการสนับสนุนจากรัฐ และเดือน มี.ค. 2566 รายงานลดลงเล็กน้อย Mega home ควรจะเท่าเดิม จากช่วงเดียวกันของปี 2565 แต่การมีส่วนร่วมจากประเทศมาเลเซียจะแข็งแกร่ง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารทั้งหมดอยู่ที่ 6%

ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 และเห็นแนวโน้มสำหรับทั้งปีคือการเพิ่มขึ้น 10-20 bps จึงเตือนว่าค่าใช้จ่ายในการขยายและดำเนินธุรกิจจะเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกัน เนื่องจากค่าไฟฟ้าสูง และการขยายตัวของร้านค้า การเพิ่มขึ้นที่คาดการณ์ของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารนี้ จะทำให้กำไรลดลงในช่วงปี ณ ปัจจุบัน

ส่วน บล.พาย แนะนำ “ซื้อ” หุ้น HMPRO ให้มูลค่าพื้นฐาน 15.90 บาทต่อหุ้น ประเมินว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 จะมีกำไรสุทธิ 1,500 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แต่ลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 เพราะมีแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงและค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น แต่รายได้ยังคงแข็งแกร่ง 17,300 ล้านบาท เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 และลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565

โดยรายได้ที่เติบโตได้แรงหนุนจากยอดขายสินค้าตกแต่งบ้านที่คาดว่าจะเติบโตเป็น 1,690 ล้านบาท เติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 หลังได้อานิสงส์จากรายได้ย่านท่องเที่ยวที่พุ่งขึ้น การเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 3 แห่งในระหว่างไตรมาส และมาตรการกระตุ้นภาครัฐช้อปดีมีคืนช่วง 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2566 พร้อมทั้งรายได้ค่าเช่าจะพุ่งแตะ 440 ล้านบาท เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ตามการมอบส่วนลดค่าเช่าที่น้อยลง

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2566 ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับเส้นเดียวกันของปี 2565 และเทียบกับไตรมาส 4/2565 เป็น 26.7% ตามแรงกดดันจากกำไรค่าเช่าที่ลดลงและคาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าอยู่ที่ 26% จะทรงตัวเมื่อเทียบกับเส้นเดียวกันของปี 2565 และอ่อนตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ที่ 26.1%  หลังต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น และสัดส่วนยอดขายที่ไม่เป็นใจ (สัดส่วนยอดขายของ Mega Home สูงขึ้น)  ซึ่งไม่หักลบปัจจัยบวกจากต้นทุนขนส่งที่ลดลง และยอดขายสินค้าแบรนด์ของบริษัทที่เพิ่มขึ้น

ด้านภาพรวมทั้งปี 2566 ประเมินว่า HMPRO จะมีกำไรสุทธิ 6,699 ล้านบาท เติบโต 7.7% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 6,217 ล้านบาท และมีรายได้รวม 70,642 ล้านบาท เติบโต 5.7% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 66,811 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ 7,433 ล้านบาท เติบโต 10.9% จากปี 2566 และมีรายได้รวม 75,445 ล้านบาท เติบโต 6.7% จากปี 2566

Back to top button