จับตา! ประชุมหุ้นกู้ STARK ชี้ชะตาไปต่อหรือพอแค่นี้!

ประชุมผู้ถือ “หุ้นกู้สตาร์ค” ชี้ชะตาวันนี้ จะได้ไปต่อ หรือ จบแค่นี้ บล.เอเซีย พลัส ฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มองวาระแรกหากไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดชำระ ตามด้วยวาระบังคับ STARK จ่ายเงินหุ้นกู้คืนทั้งหมด 9 พันล้านบาท ใน 30 วัน ด้านผู้บริหารวอนโหวตผ่าน SCB ย้ำสำรองหนี้สตาร์คครบแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 เม.ย.) เวลา 14.00 น. จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ทั้ง 5 ชุด มูลค่ารวม 9.2 พันล้านบาท โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ STARK ระบุว่า ในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้วันนี้ จะมีการพิจารณาวาระแรกว่า ที่ประชุมจะยกเว้นเหตุผิดนัดการส่งงบการเงินปี 65 หรือไม่ ทางบริษัทมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร หากไม่ยกเว้น ก็จะพิจารณาต่อไปในวาระที่สองเพื่อโหวตเรียกบังคับ STARK จ่ายเงินหุ้นกู้คืนทั้งหมดกว่า 9 พันล้านบาทภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตาม หากมีการเรียกบังคับให้ STARK จ่ายคืนหุ้นกู้ทั้งหมดจริงก็จะสร้างความลำบากให้กับ STARK เพราะต้องหาเงินมาคืนให้ได้ภายใน 30 วัน ขณะที่ STARK แจ้งล่าสุดว่าจะส่งงบการเงินปี 65 ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งไม่ทันกับกำหนดการนำเงินมาชำระคืน ดังนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการโหวตของผู้ถือหุ้นกู้

ด้าน STARK ระบุว่า การจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้นั้น หากวันนี้ได้รับความไว้ใจและได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นกู้และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ได้ตามกำหนดเวลา

ทั้งนี้บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจอย่างปกติ โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินและมีคู่ค้าทางธุรกิจในประเทศและระดับนานาชาติที่ยังให้การสนับสนุนและพร้อมดำเนินธุรกิจร่วมกัน ตลอดจนมี สัญญา และ confirm order (backlog ) มูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทที่รอการผลิตและการส่งมอบ

นอกจากนี้ยังชี้แจง ว่า ตามที่ได้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการ และมีความตั้งใจที่จะแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างไม่สะดุด ในวันที่ 18 เม.ย. 2566 บริษัทได้แต่งตั้งนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เข้าดำรงตำแหน่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ กำกับดูแลการตรวจสอบข้อเท็จจริง พลิกฟื้นสถานการณ์ และสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกฝ่าย

สำหรับความล่าช้าในการจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 บริษัทจะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส โดยได้ว่าจ้าง บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด (PwC) ผู้สอบบัญชี เพื่อจัดทำ Special Audit และส่งงบการเงินประจำปี 2565 อย่างเร่งด่วนที่สุด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2566

ขณะเดียวกัน บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้พิจารณาแต่งตั้งผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานและคุณวุฒิในการบริหารจัดการเป็นสำคัญ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการบริษัทมีรายนามดังต่อไปนี้ 1.พันตำรวจโทปกรณ์ สุชีวกุล กรรมการอิสระ/ประธานกรรมการบริษัท, 2.นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการ/กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน, 3.นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต กรรมการ/กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน 4.นายอภิวุฒิ ทองคำ กรรมการ/ประธานกรรมการตรวจสอบ และ 5.นายอรรถพล วัชระไพโรจน์ กรรมการอิสระ / กรรมการตรวจสอบ

ด้านสถานการณ์ดำเนินการของบริษัท โดยบริษัทเข้าถือหุ้นในสองบริษัทหลัก คือ บริษัท Phelps Dodge International (Thailand) Limited และบริษัท Thipha Cable ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสายไฟฟ้าและเคเบิลชั้นนำ ที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทขอยืนยันว่าขณะนี้บริษัทไม่มีการขายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจใด ๆ

โดยบริษัทได้ดำเนินการตรวจนับสินค้าคงเหลือไปแล้วเป็นส่วนใหญ่และทำงานร่วมกับผู้สอบบัญชีและผู้ตรวจสอบพิเศษ (special audit) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้อง อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 ให้แล้วเสร็จตามกำหนดการ

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวถึงกรณีของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด มหาชน (STARK) ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารที่มีความเป็นไปได้ที่จะส่งงบการเงินล่าช้าและอาจผิดนัดชำระหนี้ว่า กลุ่มเจ้าหนี้ได้มีการหารือกับทาง STARK แล้ว ซึ่งคงต้องรอให้ทาง STARK เป็นผู้ให้ข้อมูล

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด แม้ว่าบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จะมีการแจ้งข้อมูลว่าได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งไปเต็มจำนวนแล้ว ทั้งนี้ ในแง่ผลกระทบต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารนั้น ยังคงต้องติดตามต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ธนาคารมองว่ากลุ่มลูกค้ารายใหญ่โดยรวมยังมีความแข็งแกร่งอยู่

เราได้มีการพูดคุยกับลูกค้าแล้ว คงต้องรอให้ลูกค้าให้ข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมาเราก็มีการตั้งสำรองไว้ครบแล้ว ส่วนจะมีผลต่อเอ็นพีแอลคงต้องติดตามใกล้ชิด” นายกฤษณ์ กล่าว

Back to top button