ส่อง 7 หุ้น “ลิสซิ่ง” กวาดกำไร Q1 กระฉูด NCAP โตเกินเท่าตัว

เปิด 7 หุ้น “ลิสซิ่ง” โชว์งบไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ-รายได้เติบโตแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่รับรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น ชู NCAP โตทะลัก 118% ตามมาด้วย CHAYO โตเด่น 43%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ขอนำเสนอข้อมูลงบการเงินบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ของกลุ่ม “ลิสซิ่ง” ว่าผลประกอบการงวดประจำปีไตรมาส 1/2566 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนว่าบริษัทมีพื้นฐานดีด้วยรายได้ และกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ NCAP, CHAYO, JMT, ASK, KTC, SAK, TIDLOR รายละเอียดผลประกอบการสามารถดูจากตารางประกอบ

บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 142.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 65.23 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 482.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.17% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 454.46 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อและค่าธรรมเนียมและค่าบริการ

บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 103.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 72.50 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 369.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.68% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 221.76 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพและรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืม

ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ธุรกิจ AMC ที่สูงขึ้น ตามการติดตามหนี้ที่กลับมาดีตามเศรษฐกิจ และมูลหนี้เสียที่บริหารเพิ่มขึ้น โดยประเมินว่าบริษัทจะสามารถซื้อหนี้เสียได้ที่ต้นทุน 1.5 พันล้านบาท จากแนวโน้มที่สถาบันการเงินจะนำหนี้เสียออกมา ขายเพิ่มขึ้นสูงตั้งแต่ต้นปี 2566 อีกทั้งสินเชื่อจะขยายตัว 40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยประเมินว่าบริษัทจะเร่งปล่อย สินเชื่อใหม่ เพื่อที่จะสามารถนำ CHAYO Capital เข้า IPO ได้ในปี 2567 โดยให้ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท

บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 453.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.47% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 366.96 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,149.7ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,078.7 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้สัญญาที่ทำกับลูกค้าและรายได้รับประกันภัย

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มกำไรปี 2566 จะเติบโตได้ราว 31% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะเห็นกำไรดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2566 และไตรมาส 4/2566 ตามฤดูกาลที่จะมีการปรับตารางคำนวณ IRR และการซื้อหนี้จะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการขายหนี้จากสถาบันการเงินที่มากขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ นอกจากนี้ยังคาดจะเห็นส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ที่มากขึ้นจากการรับโอนหนี้จาก KBANK เข้ามาเพิ่มเติม โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 อยู่ที่ 66 บาท

บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 402.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.74% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 351.04 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวม 1,546.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.83% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,301.05 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมและรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อ

โดย บล.เอเอสแอล ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2566 ยังตั้งเป้ารุกขยายพอร์ตสินเชื่อโตต่อ 20% เน้นคุม NPL ไม่เกิน 3% ซึ่งไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 3.7% ยังสูงกว่าเป้าต้องติดตามใกล้ชิด แต่ยังคาดกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 13.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนทำนิวไฮต่อ หลังกำไรไตรมาส 1/2566 ทำได้ตามคาด

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,871.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,747.27 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวม 6,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตามการเติบโตในทุกประเภทสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อบัตรเครดิตจากการใช้บัตรที่สูงขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาเป็นปกติ และเร่งตัวมากขึ้น รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลจาก Approval rate ที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 คาดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนจากสินเชื่อที่เติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะบัตรเครดิตที่มีการใช้จ่ายสูงขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยว และการตลาดที่กลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ตามจะได้รับแรงกดดันบางส่วนจากรายได้หนี้สูญที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ตามจำนวนวันหยุดที่เพิ่มขึ้น โดยให้ราคาเป้าหมาย 68 บาท

บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 174.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.08% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 164.92 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวม 637.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.90% จากปีก่อนมีรายได้รวม 527 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการและรายได้ดอกเบี้ย

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 955.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.57% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 940.36 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวม4,345.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.3% จากปีก่อนมีรายได้รวม 3,360.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการและรายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ

ส่วน บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มกำไรปี 2566 โต 5-10% จากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตประมาณ 15-20% ขณะที่ธุรกิจประกันยังสามารถโตได้ในระดับ 20% โดยให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท

Back to top button