“4 หุ้นโรงไฟฟ้า” กำไร Q2 แกร่ง! GULF ทะยาน 2.9 พันล้าน BGRIM เทิร์นอะราวด์

เปิดกำไร 4 หุ้นโรงไฟฟ้างบไตรมาส 2/66 โตเด่น GULF กำไรสูงสุด 2.9 พันล้าน ส่วน BGRIM เทิร์นอะราวด์ กำไร 678 ล้านบาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีการรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 66 ออกมาเติบโตอย่างโดดเด่น

โดยวันนี้ทีมข่าวคัดมาเพื่อนำเสนอทั้งสิ้น 4 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP

สำหรับ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 มีรายได้รวม (Total Revenue) อยู่ที่ 35,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จาก 24,553 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) สำหรับไตรมาส 2/66 เท่ากับ 3,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จาก 3,081 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการกัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 MW ภายใต้กลุ่ม IPD โดยหน่วยที่ 1 กำลังการผลิตติดตั้ง 662.5 MW ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค.66 ที่ผ่านมา โดยรับรู้ Core Profit จำนวน 223 ล้านบาทในไตรมาส 2/66

ประกอบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP 12 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP ที่มีปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. เพิ่มขึ้น โดยมี Load Factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 78% ในไตรมาส 2/2565 เป็น 80% ในไตรมาส 2 ปีนี้ และยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากการขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ GULF ได้เริ่มรับรู้รายได้และกำไรของกลุ่ม THCOM เข้ามาในงบการเงินรวมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 โดยในไตรมาส 2/66 GULF รับรู้รายได้ จำนวน 639 ล้านบาท และกำไรจำนวน 116 ล้านบาท จากกลุ่ม THCOM สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ภายใต้ GULF1 นั้น ได้เปิดดำเนินการแล้ว 88 MW ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 เมื่อเทียบกับ 4 MW ในไตรมาส 2/2565 ส่งผลให้รับรู้ Core Profit จำนวน 48 ล้านบาทในไตรมาสนี้

ขณะที่ BPP รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิ 1,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 653 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 95 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้า เพิ่มขึ้นโดยมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน

โดยหลักจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศออสเตรเลีย ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจซื้อขายพลังงานในประเทศญี่ปุ่น และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง

รวมถึงโรงไฟฟ้า SLG ที่พลิกกลับมามีกำไรต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้านี้ จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น กอปรกับการเข้าทำสัญญาซื้อถ่านหินระยะยาวได้ในราคาที่ดี แม้ว่าจะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงของโรงไฟฟ้า Nakoso จากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาวของโรงไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุง ในระหว่างไตรมาสนี้ แต่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นจากการที่รัฐเท็กซัส ต้องเผชิญกับวิกฤตคลื่นความร้อนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และยังมีการรับรู้กำไรจากอนุพันธ์ทาง การเงินในระหว่างไตรมาส

ส่วน BGRIM รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 686 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 147 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตราคาก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 678 ล้านบาท ซึ่งมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิที่ 193 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP

ด้าน WHAUP เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/66 รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติจำนวน 1,064 ล้านบาท และมีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) ที่ 419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และ 59% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135% จากปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 1,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% และมีกำไรปกติ จำนวน 648 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ จำนวน 738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรปกติมีสาเหตุหลักจากส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากการที่ค่า Ft ได้ปรับขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนก๊าซธรรมชาติและภาระต้นทุนคงค้างของ กฟผ. ทำให้อัตรากำไรในส่วนของธุรกิจไฟฟ้า SPP ที่จำหน่ายให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำโดยเฉพาะในประเทศเวียดนามยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

X
Back to top button