CPT ส่งซิก Q3 โตต่อ ลุยประมูลงานใหม่ 2 หมื่นล้าน ตุนแบ็กล็อกเฉียดพันลบ.

CPT แย้มทิศทางไตรมาส 3/66 โตต่อเนื่อง รับกระแสลงทุนพลังงานสะอาดทดแทน และอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC ดันแบ็กล็อกเกือบ 1 พันล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ต่อเนื่องปี 67 เตรียมประมูลโครงงานไฟฟ้า-ก่อสร้าง มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท


นายชัยยศ ปิยะวรรณรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ผู้ผลิต จำหน่ายตู้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งตู้ไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (115KV) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 3 ปี 66 แนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ดี จากกระแสการลงทุนกลุ่มพลังงานทดแทน และการเติบโตของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC โดยบริษัทมีคำสั่งซื้อ (Backlog) เกือบ 1,000 ล้านบาท ที่จะทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้ต่อเนื่องภายในปี 67

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มเติม ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค อาทิ  โครงการพลังงานทดแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง กลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ รถไฟฟ้า EV ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะพื้นที่ EEC รวมถึงกลุ่มการก่อสร้าง งานโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโอกาสรับงานของบริษัทในอนาคต อีกทั้งวางแผนความร่วมมือทางธุรกิจและการควบรวมกิจการ เพื่อเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการเพิ่มเติม

ธุรกิจของบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยบริษัทปรับปรุงการบริหารความเสี่ยง จัดการโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพ สามารถรักษากระแสเงินสด รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินงานต่อจากนี้จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมที่จะเดินหน้าการเติบโตทั้งแบบ Organic และ Inorganic เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้นในอนาคต และได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ให้บริการด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้าครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมนายชัยยศ กล่าว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/66 บริษัทมีรายได้รวม 370.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 330.55 ล้านบาท จำนวน 39.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.96% และพลิกทำกำไรสุทธิ 35.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 0.98 ล้านบาท จำนวน 36.65 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งปีแรก 66 บริษัทมีรายได้รวม 672.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 670.48 ล้านบาท จำนวน 1.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.28% และมีกำไรสุทธิ 41.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.04 ล้านบาท จำนวน 36.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 726.05%

Back to top button