“4 หุ้นน้ำตาล” จ่อวิ่ง! รับ “อินเดีย” ขยายวันจำกัดส่งออก

4 หุ้น “น้ำตาล” เตรียมรับผลบวก หลังอินเดียขยายการจำกัดส่งออกน้ำตาลให้เหลือประมาณ 6 ล้านตัน หลังฝนที่มาช้ากว่าปกติต่อไปไม่ให้เกิดการขาดแคลนน้ำตาลในประเทศ ส่อส่งผลให้ราคาน้ำตาลโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง


อินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากบราซิล ขยายการจำกัดในการส่งออกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนน้ำตาลในประเทศ ซึ่งมาตรการดังกล่าวอาจทำให้ตลาดโลกตึงตัวออกไปอีก และเพิ่มต้นทุนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

ขณะที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุว่า รัฐบาลจะยังคงควบคุมการขนส่งออกน้ำตาลไปยังต่างประเทศต่อไปหลังจากวันที่ 31 ต.ค. 66 โดยอินเดียเริ่มใช้ระบบโควตาในปี 2565-2566 และจำกัดการส่งออกน้ำตาลให้เหลือประมาณ 6 ล้านตันหลังฝนที่มาช้ากว่าปกติส่งผลให้ผลิตภัณฑ์น้อยลงเมื่อเทียบกับปริมาณ 11 ล้านตันในปีก่อนหน้าที่ไม่มีการจำกัด ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนถึงขนาดของโควต้า (ถ้ามี) สำหรับการจัดส่งไปต่างประเทศในปี 2566-2567

ส่วนสัญญาซื้อขายน้ำตาลดิบล่วงหน้าปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ลดลงจากอินเดีย และไทย แม้ว่าการสั่งห้ามอาจทำให้ราคาภายในประเทศของอินเดียลดลง แต่ผู้ผลิตทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องดื่มอัดลมไปจนถึงช็อกโกแลต และเบเกอรี่

อย่างไรก็ตาม มาตรการจำกัดนี้ไม่มีผลผูกมัดกับน้ำตาลที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาภายใต้ระบบโควตาที่มีอยู่ในบางระบบ

สำหรับราคาน้ำตาลในอินเดียเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ตั้งแต่ต้นปี โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่รวบรวมโดยกระทรวงอาหาร โดยรัฐบาลควบคุมต้นทุนทางอ้อมจากการควบคุมปริมาณที่ผู้ผลิตสีสามารถขายได้ในแต่ละเดือน

ทั้งนี้เมื่ออินเดียขยายการจำกัดส่งออกน้ำตาลให้เหลือประมาณ 6 ล้านตัน หลังฝนที่มาช้ากว่าปกติต่อไปไม่ให้เกิดการขาดแคลนน้ำตาลในประเทศ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว ราคาน้ำตาลมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นอีกในระยะสั้นจนถึงระยะกลาง อย่างไรก็ตามคาดว่าหุ้นได้รับอานิสงส์ ได้แก่ BRR, KSL, KBS และ KTIS

ขณะที่หุ้นน่าสนใจจากนักวิเคราะห์ประเมินไว้เช่น บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR กล่าวว่า แนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังเติบโตได้ดีจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจน้ำตาลยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีจากราคาน้ำตาลที่ทรงตัวระดับสูง และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ร่วมถึง BRR Group ส่งสัญญาณธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellet) ใน สปป.ลาว เตรียมสตาร์ทเดินเครื่องจักรในช่วงปลายปีนี้ โดยได้ทำสัญญาจำหน่ายให้กับคู่ค้าญี่ปุ่น 15 ปี ที่ปริมาณ 100,000 ตันต่อปี

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจปุ๋ย ยังน่าจับตา ล่าสุดได้รับปัจจัยบวกจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง และปริมาณการขายปุ๋ยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อย เชื่อมั่นปี 2567 จะเป็นปีทองของ BRR ที่จะมีผลประกอบการที่ดี ทั้งปริมาณผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย ราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น และยังมีธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามา อีกทั้ง ยังคงมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และความพร้อมขยายตลาดได้อีกมาก

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจในภาพรวม BRR ยังมั่นใจปี 2567 สามารถหีบอ้อยได้ราว 2.5 ล้านตัน เชื่อทั้งปี 2567 ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีโอกาสดีดแตะ 30 เซ็นต์ต่อปอนด์ หลังอินเดียงดส่งออกน้ำตาล และรับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ทั้งยังเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งจากการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งในลาวตามสัดส่วน 25% หนุนรายได้รวมทั้งปี 2567 เติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL ทางบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าจะได้รับ Sentiment บวกจากราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่อินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกในเอเชียเตรียมจำกัดการส่งออกน้ำตาล พร้อมคาดกำไรปีนี้โตเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน เป็น 1.5 พันล้านบาท

ด้านราคาหุ้นบนกระดานปิดวานนี้ (18 ต.ค. 2566) โดยบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 5.30 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.92% สูงสุดที่ระดับ 5.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.52 ล้านบาท

บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 2.80 ลบไป 0.02 บาท หรือ 0.71% สูงสุดที่ระดับ 2.84 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.78 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.68 ล้านบาท,

บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 5.90 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.72% สูงสุดที่ระดับ 6.05 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.59 ล้านบาท

บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 3.76 ลบไป 0.06 บาท หรือ 1.57% สูงสุดที่ระดับ 3.76 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.76 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.4 แสนบาท

Back to top button