IRPC ไตรมาส 3 พลิกกำไร 2.44 พันล้าน ลุยแตกไลน์ธุรกิจ “Health & Wellness” เขตพื้นที่ EEC

IRPC งบไตรมาส 3/66 พลิกกำไรสุทธิ 2,439 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนปี 66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 494 ล้านบาท พร้อมแตกไลน์ขยายการลงทุนในธุรกิจ โรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพ (Health & Wellness) ที่มีการเติบโตสูง ในพื้นที่ศักยภาพ EEC สนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศไปสู่ Medical Hub


นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 ที่บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 77,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,509 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 ซึ่งสาเหตุหลักจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น

ขณะที่ปริมาณขายลดลงร้อยละ 5 โดยมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาดอยู่ที่ 5,373  ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล และการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 3,566 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชีจำนวน 8,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,732 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 5,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,770 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,439 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/2566 ที่มีขาดทุนสุทธิ 2,246 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 494 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์ตลาดน้ำมันดิบในไตรมาส 4/2566 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ และต้นทุนพลังงานตามลำดับ โดยคาดว่าปลายไตรมาส 4/2566 สหรัฐอาจปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก และราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวอย่างหนัก ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ตลาดปิโตรเคมีในไตรมาส 4/2566 คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะทรงตัวหรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Traditional Peak  จากความต้องการผลิตภัณฑ์ปลายทางในช่วงงานเทศกาลปลายปี คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของความต้องการจากประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของธุรกิจปิโตรเคมี

นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ส่งผลให้สามารถผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการซื้อที่ยังคงมีอยู่ได้ แม้ว่าจะยังมีปัจจัยกดดันจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส และความกังวลต่อการถดถอยของเศรษฐกิจโลก

นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า IRPC ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พัฒนาต่อยอดนวัตกรรมทางวัสดุและพลังงาน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสุขภาพ สุขอนามัยและการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่ IRPC ให้ความสำคัญและเล็งเห็นโอกาสในการเติบโต โดยได้ทำบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ร่วมกับเครือโรงพยาบาลบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท เพื่อพัฒนาธุรกิจโรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพในพื้นที่ศักยภาพของ IRPC จ.ระยอง โดยมุ่งหวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพความเป็นอยู่ประชาชน จ.ระยอง และจังหวัดใกล้เคียงให้สามารถเข้าถึงการบริการสุขภาพแบบองค์ รวมทั้งในเชิงป้องกันและการรักษาผ่านสถานพยาบาลที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยในพื้นที่ EEC ให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ

ทั้งนี้ IRPC ยึดมั่นและให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการความยั่งยืน โดยดำเนินงานอย่างคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ภายใต้หลักธรรมาภิบาล หรือ ESG โดยหลักการดำเนินธุรกิจดังกล่าวทำให้ IRPC ได้รับรางวัลดีเด่นด้าน “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน” ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ประเภทองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่เคารพหลักสิทธิมนุษยชน การให้ความสำคัญกับหลักความเสมอภาค การยอมรับในความแตกต่าง และใส่ใจต่อผู้มีส่วนได้เสีย

“การดำเนินธุรกิจของ IRPC ตลอดมา มุ่งเน้นความร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ  เพื่อร่วมสนับสนุนและผลักดันการดำเนินธุรกิจ ที่มีธรรมาภิบาล ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” นายกฤษณ์ กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button