คัด 4 หุ้น “โรงแรม” โบรกชี้งบ Q4 สดใส รับยอดจองห้องพักคึก

BEYOND-CENTEL-ERW-MINT รับอานิสงส์ช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว โบรกฯ ประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 เติบโตแกร่ง รับยอดจองห้องพักคึก พร้อมให้คำแนะนำ “ซื้อ”    


ไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วงไฮซีซั่นฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งมักเป็นผลบวกสำหรับกลุ่ม “ธุรกิจโรงแรม” อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยหนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากจะมีรายได้ที่เข้ามามากกว่าปกตินั้นเอง

ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่าในปีนี้ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ 25-28 ล้านคนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีหน้าเป็นช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว

โดยเฉพาะเดือน ต.ค.คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ส่วนเดือน พ.ย.-ธ.ค. คาดมีเกิน 2.5 ล้านคนต่อเดือน หลังจากภาพรวมปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศช่วงตารางบินฤดูหนาว 2566/2567 ปัจจุบันพบว่ากลับมากว่า 60% แล้ว

ทั้งนี้ตลาดการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวกลับมาอย่างโดดเด่นเกิน 80-90% เทียบกับเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด นั้น โดยมีนักท่องเที่ยวมาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ส่วนตลาดอื่นๆ ที่มีการเติบโตดีกว่ายุคก่อนโควิดคือ ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงอิสราเอลที่ประเมินว่าจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวตามเป้าหมาย 2 แสนคนในปีนี้

อย่างไรก็ตามจากนักท่องเที่ยวที่กลับมาใกล้เครียงประมาณช่วงก่อนโควิดนั้น ทำให้ทางนักวิเคราะห์มีการประเมินว่าธุรกิจกลุ่มโรงแรงจะฟื้นตัวชัดในไตรมาส 4/2566 นี้ โดยเฉพาะอย่างหุ้น BEYOND, CENTEL, ERW และ MINT

ส่วนในบทวิเคราะห์มีการประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/2566 ของบริษัทข้างต้นดังต่อไปนี้ว่า โดย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ต่อหุ้น บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEYOND โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2566 จะฟื้นตัวดีจากฤดูท่องเที่ยวมีอัตราเฉลี่ยต่อห้อง ( ADR) น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ในระดับสูงที่ประมาณ 19,500-20,000 บาท ในขณะที่อัตราการเข้าพัก (OCC rate) น่าจะเพิ่มเป็น 55-58% (เทียบกับ 50% ในไตรมาส 4/2565)

นอกจากนี้ BEYOND ยังเห็นความต้องการในระดับสูงสำหรับการจัดงาน MICE ในไตรมาส 4/2566 ด้วยเหตุดังกล่าวจึงคาดว่าผลประกอบการจะพลิกมาเป็นกำไรได้ในไตรมาส 4/2566 นี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ต่อหุ้น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL โดยคาดว่าในไตรมาส 4/2566 จะเห็นการปรับปรุงจากไตรมาสก่อนหน้า จากช่วง high season ของการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงแรมโอซากะน่าจะเห็นการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็คาดว่าจะถูกดึงด้วยการรีโนเวทในโรงแรมเซ็นทารากะรน และเซ็นทาราแกรนด์พัทยา ด้านร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด (QSR) มีแนวโน้มทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจากแรงกดดันด้านวัตถุดิบและค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามยังแนะนำ “ซื้อ” โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 59.00 บาท เนื่องจากการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มดีขึ้นน่าจะช่วยชดเชยจุดอ่อนของธุรกิจด้านฟาสต์ฟู้ด

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ต่อหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW โดยคาดการณ์ไตรมาส 4/2566 ยังมีดีมานด์จากกลุ่ม Corporate สูงและยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มรัสเซียที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มมากขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่า

นอกจากนี้ยังคง Maintain เป้าอัตราเข้าพักที่ 80% และรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เติบโต 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน โดยในไตรมาส 4/66 คาดอัตราเข้าพักทั้งกลุ่มยังคงอยู่สูงกว่า 80%

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงเน้นขยายโรงแรมกลุ่ม Hop Inn สู่ 150 แห่ง โดยเป็นโรงแรมในประเทศราว 100 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 50 แห่ง และจะเน้นขยายโรงแรมในโซน APAC

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกจากการประชุม เนื่องจากในเดือนต.ค. และช่วงต้นเดือนพ.ย.2566 มีอัตราการเข้าพักที่สูงกว่า 80% และอัตราเฉลี่ยต่อห้อง (ADR) ยังสามารถเติบโตได้จากช่วงเดียวของปีก่อน และคาดว่าในปี 2567 จะมี RevPar ที่เติบโตได้ดีต่อเนื่อง ก่อนที่จะกลับสู่การเติบโตแบบ Organic ที่ราว 3-5% ในปี 2568 และการลงทุนในโรงแรมที่ญี่ปุ่น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวในการขยายฐาน HopInn ไปต่างประเทศ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นมีการเติบโตสูง โดยมีเป้าเติบโตจาก 31.9 ล้านรายในปี 2562 สู่ 60 ล้านรายในปี 2573 จึงยังคงแนะนํา “ซื้อเก็งกําไร” ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 6.60 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ต่อหุ้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT โดยมีการอัพเดทเดือน ต.ค. 2566 ธุรกิจโรงแรมมีรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) รวมเพิ่มขึ้น 15% เทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน โดยในยุโรปมี RevPar โตได้ดีต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 10-12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากอัตราการเข้าพัก (Occ. Rate) ที่ 74% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2566 ที่ 71% และอัตราเฉลี่ยต่อห้อง (ADR) เพิ่มขึ้น 13-14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน เพราะมี Trade fairs และ Citywide event เข้ามาช่วยหนุน แต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2566 จะลดลง เพราะเข้าสูงช่วง Low season ที่ยุโรป ส่วนไทยเดือน ต.ค. Occ. Rate อยู่ที่ 60% จากไตรมาส 3/2566 ที่ 64% แต่คาดว่าไตรมาส 4/2566 จะทำได้ที่ 70-80% เพราะเข้าช่วง High season

ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะที่ไทยและยุโรป ขณะที่คาดกำไรปกติในไตรมาส 4/2566 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน เพราะได้ประโยชน์จากไทยและมัลดีฟส์เข้าสู่ช่วง High season และคาดกำไรสุทธิในปี 2567 จะอยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องอีก 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 40.00 บาท

Back to top button