UAC จ่อรับธุรกิจ “ปิโตรเลียม-โรงไฟฟ้าชุมชน-RDF” เต็มสูบ ดันรายได้ปีนี้โต 15%

UAC ส่งซิกไตรมาส 4/66 โตต่อ จ่อรับรู้รายได้ธุรกิจ “ปิโตรเลียม - โรงไฟฟ้าชุมชน - โรงงานผลิต RDF” เพิ่ม หนุนรายได้ทั้งปีเติบโต 15% ตามเป้าหมาย และ EBITDA มากกว่า 20% เล็งลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดใน-นอกประเทศ ดันรายได้ปี 67 แตะ 4 พันล้านบาท


นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 492.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.60 ล้านบาท หรือเติบโต 54.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 318.79 ล้านบาท

โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้การขายและการบริการของธุรกิจ Trading ที่คิดเป็นสัดส่วน 80% ของรายได้ทั้งหมด อยู่ที่ 394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.11% รวมถึงรายได้ธุรกิจ Energy & Petroleum เพิ่มขึ้น 50.18% จากการผลิตน้ำมันและโรงงานแม่แปลง และโรงงานที่ประดูเฒ่าที่ทำรายได้จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 1.14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากการที่บริษัทเข้าไปร่วมลงทุนเพิ่มขึ้น 245.87%

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,466.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 380 ล้านบาท หรือเติบโต 34.97% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1086.88 ล้านบาท โดยมาจากรายได้ธุรกิจ Trading เติบโต 32.42% รวมถึงรายได้ธุรกิจ Energy & Petroleum เพิ่มขึ้น 15.43% จากสัดส่วนน้ำมันดิบที่ผลิตได้มาก และกำลังการผลิตไฟฟ้าที่โรงงานประดูเฒ่ามากขึ้น และส่วนแบงกำไรจากบริษัทร่วมที่ 56 ล้าน ส่วนกลุ่มรายได้อื่น เติบโต 348.78% มาอยู่ที่ 152 ล้านบาท มาจากการจำหน่ายเงินลงทุนและขายสินทรัพย์ไปบางส่วน

นายชัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเนื่องในไตรมาส 4/2566 ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ในทุกภาคส่วนและส่วนแบ่งกำไรเช่นเดียวกับในไตรมาสที่ผ่านมา โดยยังคงเดินหน้าการลงทุนในโครงการต่างๆ ต่อเนื่องจากการขับเคลื่อนกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของรายได้ในปี 2566 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 15% ควบคู่กับการรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 20%

ล่าสุด บริษัทดำเนินธุรกิจด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ดำเนินการโดย บริษัท พีพีดับบลิวอี จำกัด (บริษัทร่วม) ปัจจุบันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 2 สถานี ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และ 1 สถานีที่อยู่ระหว่างการเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินงานภายในสิ้นปีนี้

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ของ UAC Group เพื่อเป้าหมายรายได้ 4,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15-20% ในปีหน้า

โดยบริษัทได้เริ่มทยอยเปิดดำเนินการเพิ่มขึ้น อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าภูผาม่าน (PPM) คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เดินเครื่อง Generator#1 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ ภายในเดือนธันวาคม 2566 ส่วน Generator#2 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 1/2567

ส่วนโครงการ PT Cahaya Yasa Cipta (CYC) ซึ่งเป็นโครงการภายการการลงทุนของบริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (บริษัทย่อย) ร่วมลงทุนใน PT Cahaya Cipta สัดส่วน 70% เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย RDF3 ในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตประมาณ 40,000 ตัน/ปี โดยจะจำหน่ายให้กับโรงปูนซีเมนต์ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้มีการวางศิลาฤกษ์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 และอยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นขอใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คาดการณ์ว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาส 3/2567

ทั้งนี้ บริษัทให้ความความสำคัญในการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเจอแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มองว่าเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากภาระเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง โดยมีกระแสเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 จำนวน 250.73 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 0.84 เท่า ยังคงเป็นไปตามกรอบนโยบายทางการเงินของบริษัทที่ไม่เกิน 2 เท่า

Back to top button