แนะเก็บ 5 หุ้นอสังหาฯ ทิศทางกำไรแกร่ง พ่วงปันผลสูง

เลือก AP- LH-SPALI- SC- SIRI เด่นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทิศทางกำไรโตแกร่งในไตรมาส 4/66 และปี 67 มั่นใจยอด Presale และยอดโอนคอนโดฯใหม่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญบริษัทดังกล่าวปันผลสูง


ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวของกับที่อยู่อาศัย เผชิญกับปัจจัยท้าทายที่มีต่อกำลังซื้อส่งผลให้ยอดขาย (Presale) แม้ว่าช่วง 9 เดือนแรกอ่อนตัวลง แต่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดการณ์ว่ายอดขายฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2566 จากการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากสุดของปี พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดเชิงรุกเพื่อเข้ามาผลักดันให้ยอด Presale ทั้งปี 2566 ใกล้เคียงปีก่อนอยู่ที่ 3.48 แสนล้านบาท

โดยตามแผนเปิดโครงการใหม่มากขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2566 รวมถึงการส่งมอบต่อเนื่องจากงานคงค้างในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 และการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมใหม่จะช่วยขับเคลื่อนให้ทิศทางกำไรปกติไตรมาส 4 ปี 2566 เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และทำจุดสูงสุดของปีเป็นแน่

ขณะเดียวกันในปี 2567 คาดกำไรปกติกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เติบโต 9.8% เท่ากับ 4 หมื่นล้านบาท จากความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เข้ามาหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น และทิศทางดอกเบี้ยที่คาดสิ้นสุดขาขึ้น โดยมีโอกาสปรับลดลง

ขณะที่ผู้ประกอบการยังมีการเปิดโครงการใหม่ และส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ต่อเนื่องด้านการประเมินมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง ด้วย PER ซื้อขายเฉลี่ย 7-8 เท่า และดึงดูดด้วยเงินปันผลเฉลี่ยสูงกว่า 6% ต่อปี จะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนราคาหุ้นระยะสั้น คงแนะนำ “ถือ” สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

สำหรับหุ้นแนะนำเลือก บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP หุ้นเด่นจากทิศทางกำไรทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องปี 2566-2567 ตามด้วย บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI และ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC จะเห็นกำไรฟื้นตัวชัดเจนไตรมาส 4 ปี 2566 และต่อเนื่องปี 2567 ส่วนบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI จูงใจด้วยอัตราเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มฯ

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มในส่วนของกำไรต่อหุ้น (EPS) และ Dividend Yield รวมไปถึงราคาเหมาะสมในช่วงปี 2567 โดย AP ประเมินค่า EPS อยู่ที่ 2 บาทต่อหุ้น และ Dividend Yield ที่ 6.48% ให้ราคาเหมาะสม 16 บาท ต่อมา LH ประเมินค่า EPS อยู่ที่ 0.61 บาทต่อหุ้น และ Dividend Yield ที่ 6.84% ให้ราคาเหมาะสม 10 บาท

ส่วน SPALL ประเมินค่า EPS อยู่ที่ 3.41 บาทต่อหุ้น และ Dividend Yield ที่ 7.89% ให้ราคาเหมาะสม 27.30 บาท ขณะที่ SC ประเมินค่า EPS อยู่ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น และ Dividend Yield ที่ 8.08% ให้ราคาเหมาะสม 4.80 บาท และ SIRI ประเมินค่า EPS อยู่ที่ 0.28 บาทต่อหุ้น และ Dividend Yield ที่ 8.14% ให้ราคาเหมาะสม 2.20 บาท

Back to top button