โบรกชู PTTGC เด่น! มองปี 67 “ปิโตรเคมี” ฟื้น รับดีมานด์พุ่ง หนุนส่วนต่างราคา

“บล.บัวหลวง” มองปี 67 กลุ่มปิโตรเคมีฟื้นตัว จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานใหม่น้อยลงจะหนุนส่วนต่างราคา ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน เท่ากับตลาด โดยเราชอบ PTTGC มากที่สุดในกลุ่ม


บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์วันนี้ (26 ธันวาคม 2566) ว่าแนวโน้มอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จะฟื้นตัวเล็กน้อยในปี 2566 โดยสาเหตุมาจากประเทศจีนที่เป็นตลาดสำคัญในการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังคงชะลอตัวลง อีกทั้งปัจจัยอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปีโตรเคมีในยุโรปอ่อนแอเช่นกันในปี 2566

ทั้งนี้ทำให้ฝ่ายนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าเมื่อมองไปยังอนาคตในปี 2567 นั้น เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่อาจอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกับปี 2566 ทั้งนี้หากพิจารณาถึงความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจึงคาดการณ์ได้ว่ามีแนวโน้มที่อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยในปีหน้า

ขณะที่แนวโน้มปี 2567 สำหรับพลาสติก (HDPE) กำลังปรับตัวดีขึ้นโดยสาเหตุมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่จะลดลงน้อยกว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากนี้การเติบโตของอุปสงค์คาดการณ์ว่าจะแข็งแกร่งกว่าปี 2566 อีกทั้งมองว่าสมดุลอุปสงค์และอุปทานที่ปรับตัวดีขึ้นจะหนุนส่วนต่างราคา HDPE และแนฟทาในปี 2567 เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี มาอยู่ที่ 460 เหรียญสหรัฐ/ต้น

ขณะที่ในทางตรงกันข้ามส่วนต่างราคา PP ซึ่งมีแนวโน้มจะเผชิญกับอุปทานล้นตลาดต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าส่วนต่าง PP และแนฟทาจะลดลง 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี มาอยู่ที่ 325 เหรียญสหรัฐ/ตัน

โดยหากมองไปที่ตลาดอะโรเมติกส์ (PX และเบนซีน) นั้นคาดการณ์ว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2567 ทั้งนี้จะช่วยหนุนการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นน้อยลงและอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นส่วนต่างราคา PX/Naphtha ปี 2567 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 395 เหรียญสหรัฐ/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี และเบนซีนช่องว่างอุปทานส่วนเกินในปี 2567 จะแคบลงเมื่อเทียบกับปี 2566 และคาดการณ์ว่าส่วนต่างราคาเบนซีน และแนฟทา จะเฉลี่ยปี 2567 โดยเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี มาอยู่ที่ 265 เหรียญสหรัฐ/ตัน

สำหรับตลาดสายผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์นั้นคาดการณ์ว่าส่วนต่างราคาพลาสติก (PET) จะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี สำหรับในปี 2567 ซึ่งหนุนโดยอุปทานใหม่ที่ลดลงท่ามกลางอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นเมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานช่องว่างอุปทานส่วนเกินในปีหน้าจะมีแนวโน้มที่จะแคบลงกว่าปี 2566

นอกจากนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของอุปสงค์มีแนวโน้มที่ยังคงตัวอยู่ในปี 2567 และการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาปิโตรเคมีอาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ โดยการวิเคราะห์ความอ่อนไหว บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ประเมินให้เห็นว่าหากส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ต่ำกว่าสมมติฐาน ในกรณีพื้นฐานที่คาดกาณ์ทุกๆ 10 เหรียญสหรัฐ/ตัน แสดงถึงความเสี่ยงขาลง 5% ต่อประมาณการกำไรในปี 2567

ขณะฝ่ายวิจัยการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ระบุว่าส่วนต่างราคา PET ที่ต่ำกว่าสมมติฐานกรณีฐานของทุกๆ 10 เหรียญสหรัฐ/ตัน แสดงถึงความเสี่ยงขาลง 6% ต่อประมาณการกำไรหลักของเราในปี 2567

แท็กซ์// บล.บัวหลวง, พีทีที โกลบอล เคมิคอล,  หุ้น PTTGC, PTTGC,  อินโดรามา เวนเจอร์ส, หุ้น IVL, IVL, PX,เบนซีน, ตลาดอะโรเมติกส์,

Back to top button