จับตา ADVANC-TRUE รับปีมังกรทอง! สถาบัน-ต่างชาติจ้องไล่เก็บ

ADVANC-TRUE สู่วงจรขาขึ้นหลังควบรวมกิจการ ลุ้นเงินทุนต่างชาติไหลเข้า ฟาก “บล.กสิกร” มองทิศทางหุ้นสื่อสารปี 67 โตเด่น ลุ้นกำไร ADVANC ปีนี้กำไรโต 7-9% ขณะที่ TRUE ไตรมาส 4/67 เข้าสู่จุดคุ้มทุน ดันปี 68 เริ่มมีกำไร และต้นทุนลด จับตาหุ้นกู้ล็อตใหม่ เป้าหมายเฉลี่ย 7.54 บาท จาก 11 โบรกเกอร์ ส่วน AIS เป้า 253.64 บาท จาก 16 โบรกเกอร์


ผู้สื่อข่าวรายงาน อ้างอิงข้อมูลจาก Refinitiv consensus หุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ประมาณการรายได้รวมในปี 2566 ที่ 191,320.65 ล้านบาท ประมาณการรายได้รวมปี 2567 ที่ 206,380.09 ล้านบาท ประมาณการรายได้รวมไตรมาส 4/2566 ที่ 52,935.26 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 4/2566 ที่ 7,743.21 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 29,286.16 ล้านบาท ประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 31,968.11 ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 253.64 บาท จาก 16 โบรกเกอร์

ขณะที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 209,727.70 ล้านบาท ประมาณการรายได้รวมปี 2567 ที่ 214,263.69 ล้านบาท ประมาณการรายได้รวมไตรมาส 4/2566 ที่ 51,570.00 ล้านบาท ประมาณการขาดทุนสุทธิไตรมาส4/2566 ที่ 1,017.77 ล้านบาท ประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2566 ที่ 6,104.93 ล้านบาท ประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2567 ที่ 194.28 ล้านบาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 7.54 บาท จาก 11 โบรกเกอร์

ด้านนายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยปี 2566 คือปีแห่งการควบรวมกิจการที่ช่วงต้นปีมีการควบรวมระหว่าง TRUE และบริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชัน จํากัด (มหาชน) หรือ DTAC ส่วนช่วงปลายปีมีการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ที่เป็นบริษัทลูกของ ADVANC และบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (3BB)

ทั้งนี้ ประมาณการผลการดำเนินงานของ ADVANC ในปี 2567 คาดการณ์ว่ากำไรปกติจะเติบโต 7-9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ TRUE คาดการณ์ว่าปี 2567 ขาดทุนสุทธิประมาณ 2.5 พันล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่คาดว่าจะขาดทุน 5 พันล้านบาท จากการแข่งขันทั้งมือถือและเน็ตบ้านที่ลดลง โดยในไตรมาสที่ 1-3 ผลขาดทุนจะทยอยลดลง และในไตรมาส 4/2567 จะถึงจุดคุ้มทุน หรือ Break Even Point ก่อนจะเริ่มมีกำไรในไตรมาสแรกปี 2568

โดยมองว่าปี 2567 จะเป็นปีของการเริ่มลงทุนหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และจะเป็นที่น่าสนใจจากทั้งนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนส่วนบุคคลด้วย โดยความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.ผลประกอบการที่จะเป็นตัวชี้นำไปที่ราคาหุ้นหรือมูลค่าของหุ้น ในแง่ของผลประกอบการในปี 2567 จะเปลี่ยนจากการแย่งลูกค้ากันแบบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นการรักษาลูกค้า

2.ต้นทุนในการจัดหาลูกค้าลดลง ซึ่งต้นทุนในการหาลูกค้าหลักมีอยู่ 3 เรื่องคือ 1) ค่าอุดหนุนตัวเครื่องมือถือลดลง อาจจะเห็นค่าแรกเข้าในการติดตั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน 2)ค่าคอมมิชชันที่จ่ายให้กับตัวแทนขาย 3) ค่าใช้จ่ายทางการตลาด หากเลิกการแข่งขันแย่งลูกค้าค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะลดลง

นอกจากนี้ หากปริมาณการใช้งาน Data จะเพิ่มขึ้นช้าลง ก็จะทำให้ความต้องการในการลงทุนก็จะลดลง ปัจจุบันพื้นที่ครอบคลุมประชากรของ 5G ในประเทศไทยอยู่ที่ 85% แต่ในแง่ของการใช้งานยังอยู่ที่ระดับ 25-30% ผู้ประกอบการจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเพื่อครอบคลุมพื้นที่มากแล้ว

ขณะเดียวกัน จากข้อมูลทางสำนักคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะประมูลคลื่นอีกครั้งน่าจะปี 2569 ทำให้ไม่มีภาระเรื่องการประมูลคลื่นให้กังวล ทำให้เห็นตัวเลขรายได้โตเร็วขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง งบจ่ายลงทุนลดลง จึงมองว่าเป็นวัฏจักรของธุรกิจที่ผ่านจุดของการลงทุนแบบหนักหน่วงไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงการเก็บเกี่ยว จึงมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ควรซื้อสะสมหุ้นสื่อสารเพื่อรอเก็บเกี่ยวกำไร

อย่างไรก็ตาม หากเจาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายตัวนั้น ในเชิงของมูลค่าหุ้นต้องยอมรับว่าในตัวของ ADVANC ที่ราคาหุ้นค่อนข้างแข็งแรง มองว่ายังเป็นหุ้นที่ปลอดภัย ยังอยู่ในวัฏจักรของธุรกิจที่ดี หากนักลงทุนต่างชาติจะกลับมาก็จะเป็นหุ้นตัวแรก ๆ ในกลุ่มที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้าลงทุน ช่วงนี้ราคาหุ้นอาจจะยังไม่ไปไหนเนื่องจากตลาดกลัวเรื่องเงินปันผล เพราะการเข้าทำธุรกรรมซื้อกิจการ 3BB และ JASIF ทำให้ต้องกู้เงินเพิ่มมา 33,000 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากประมาณ 2 เท่า ขึ้นมาเป็นเกือบ 3 เท่า จึงทำให้ตลาดกังวลว่าจะมีการปรับลดเงินปันผลหรือไม่ เพื่อจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อ EBITDA ปรัดตัวลดลง เพราะหากเกิน 3 เท่า อาจกระทบกับอันดับความน่าเชื่อถือเครดิตเรตติ้ง มองว่าถ้า ADVANC ประกาศงบออกมาประมาณต้นเดือน ก.พ. 2567 และยังจ่ายเงินปันผลสูงเหมือนเดิม ก็เชื่อว่าราคาหุ้นจะกลับมาวิ่งแรงอีกครั้ง

ขณะที่ TRUE หลังจากควบรวมแล้วตลาดก็มีความคาดหวังมูลค่าจากการควบรวมครั้งนี้ ซึ่งออกมาค่อนข้างมาก แต่ในช่วงสั้น ๆ มีข่าวร้ายมากไป ทั้งเรื่องหุ้นกู้ที่ขายไม่หมด เรื่องที่องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคฟ้องกสทช.กรณีควบรวม TRUE-DTAC ที่ศาลปกคลองกลางรับฟ้อง เรื่องกรณีข้อพิพาทกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) ล่าสุดเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคุณภาพของสัญญาณและราคา

โดยหลังจากการควบรวม ราคาหุ้นที่ประมาณการไว้ที่ 9 บาท/หุ้น แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 5 บาท/หุ้น หากแปลงราคาปัจจุบันกลับมาเป็นราคา DTAC กับ TRUEE ราคา DTAC จะอยู่ที่ 31 บาท/หุ้น TRUEE 3.1 บาท/หุ้น เป็นราคาที่ต่ำกว่าก่อนการควบรวมกิจการในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ซึ่งต้องมาลุ้นว่าช่วงต้นปี 2567 ที่ TRUE จะมีการออกหุ้นกู้ โดยแต่ละปีหุ้นกู้จะครบกำหนดประมาณ 70,000 ล้านบาท ใน 1 ปี จะมีการออกหุ้นกู้ 3-5 รอบ ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด ต้องลุ้นรอบแรกที่จะออกช่วงม.ค.-ก.พ. 2567 ประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท หากออกแล้วขายหมดจะเป็นสัญญาณบวก

ส่วนมูลค่าเพิ่มจากการควบรวมกิจการก็น่าจะเริ่มเห็นผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการแล้ว โดย TRUE ได้ตั้งเป้าจะกลับมามีกำไรในปี 2568 ถ้าครึ่งหลังของปี 2567 เริ่มเห็นกำไรก็จะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น

Back to top button