“บล.พาย” ปิดดีล “Koo Group” 10 ล้านเหรียญฯ หวังขึ้นผู้นำ “แพลตฟอร์มบริหาร” ความมั่งคั่ง

“บล.พาย” ปิดดีล “Koo Group” ธุรกิจสัญชาติใต้หวัน กว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้นำแพลตฟอร์มการบริหารความมั่งคั่ง เปิดโอกาสสู่การขยายฐานการดำเนินงานในระดับภูมิภาค


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) (Pi Securities Public Company Limited) หนึ่งในผู้นำการให้บริการ และผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนแบบครบวงจรในประเทศไทย ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนเชิงกลยุทธ์มูลค่ากว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก “Koo Family Group” ซึ่งเป็นกลุ่มที่ครอบครองธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไต้หวัน พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายของบริษัทฯ สู่การเป็นผู้นำแพลตฟอร์มบริหารความมั่งคั่ง และการลงทุนระดับภูมิภาค

โดยในปัจจุบัน บริษัทครองตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ ด้วยปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นที่สูงถึง 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากว่า 30 ล้านสัญญาในปี 2565 โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้ามากกว่า 80,000 ราย เติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 16% ภายใน 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บล.พาย ชื่อเดิมคือ “บล.คันทรี่ กรุ๊ป” มีการขายธุรกิจรายย่อยไปเมื่อปี 2557 และเริ่มต้นสร้างชื่อเสียง และผลงานใหม่ จนเกิดการรีแบรนด์เป็น บล.พาย ในปัจจุบัน ภายหลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่

ทั้งนี้ บริษัทได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาด และสามารถคว้ารางวัล “SET TFEX Agent of the Year” ติดกันถึง 4 ปีซ้อน ทั้งนี้บริษัท ได้มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการให้มีความเป็นดิจิทัล และทันสมัยมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเป็น 3 เท่าภายในปี 2567 โดยทางบริษัทกำลังพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนแบบครบวงจร เพื่อมอบประสบการณ์การลงทุนที่ราบรื่น ไร้รอยต่อ และตอบโจทย์ทุกการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ภายใต้แอปพลิเคชันเดียว สิ่งเหล่านี่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ในการนำเสนอบริการที่เหนือระดับ พร้อมตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่ และก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดการลงทุนดิจิทัล

อย่างไรก็ดี ตระกูล Koo ถือได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดจากประเทศไต้หวัน ดำเนินกิจการหลากหลายในภูมิภาคเอเชีย ครอบคลุมทั้ง ธนาคาร, ประกันภัย, อสังหาริมทรัพย์, การท่องเที่ยว, กีฬา และการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศต่างๆ อาทิไต้หวัน, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย CTBC Financial Holding บริษัทเรือธงของตระกูล Koo คือ กลุ่มบริษัทการเงินข้ามชาติขนาดใหญ่ ที่มีสินทรัพย์รวมมากว่า 260 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ ไตรมาส 3 ปี 2566 ในฐานะที่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของบล.พาย จะเป็นผู้ที่ร่วมสนับสนุนการพัฒนาบริการด้านการลงทุน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ และศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าของบล.พาย ให้ก้าวไปสู่ระดับภูมิภาค

นายทอมมี่ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บล.พาย กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรรายแรกของเรา โดยมั่นใจว่าด้วยความช่วยเหลือ และการสนับสนุนจากนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ จะทำให้สามารถสร้างแพลตฟอร์มการลงทุนที่เหนือระดับ และส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร

สำหรับปรัชญาในการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มของ บล.พาย คือการนำเอาเทคโนโลยีมาผนวกเข้ากับความสามารถของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยในปัจจุบัน เราได้มีการนำนวัตกรรมขั้นสูงมาใช้ เพื่อมอบบริการซื้อ-ขายสินทรัพย์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า โดยผลิตภัณฑ์บนแอปพลิเคชันของเรา ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้อย่างไว้วางใจ ตลอดจนการได้รับคำแนะนำ และการสนับสนุนจากผู้แนะนำการลงทุนอย่างใกล้ชิด มากไปกว่านั้น ทีมการลงทุนของบริษัท ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาความสามารถในการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อติดตามพอร์ตการลงทุนของลูกค้า พร้อมเน้นการวิเคราะห์แผนการลงทุน การจัดสรรความเสี่ยงจากข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพผลงานต่อไป

อีกทั้ง สำหรับปี 2567 นี้ บริษัทจะต่อยอดในด้านเทคโนโลยี และความสามารถด้านผลิตภัณฑ์ เพื่อเปิดตัวธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) ซึ่งขณะนี้บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำ (AUA) จากลูกค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และตั้งเป้าเพิ่ม 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปีแรก มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ High-Net-Worth พร้อมนำเสนอโอกาสการลงทุนที่คัดสรรอย่างพิถีพิถันร่วมกับผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ตลอดจนการวางแผนบริหารความมั่งคั่งสู่ระบบดิจิทัล

ด้าน นายบ๊อบ เวาเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบล.พาย ได้ตั้งเป้าให้บริษัทเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมการลงทุนในประเทศไทย โดยกล่าวว่า เราเชื่อมั่นในพลังของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการที่เรานำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้นั้น ไม่ได้จะมาทดแทนความสัมพันธ์ของลูกค้ากับผู้แนะนำการลงทุน หากแต่เป็นการผสมผสานจุดแข็งที่ดีสุดของทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “Digital With A Human Touch”

“การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทสามารถพัฒนา Pi Ecosystem ได้ก้าวไกลกว่าที่เคย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงิน นวัตกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงบริการการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายฐานการดำเนินงานสู่ระดับภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย” นายบ๊อบ กล่าว

Back to top button