PRM กางแผนปี 67 ลุยธุรกิจ “เรือปิโตรเคมี-ออฟชอร์ซัพพอร์ต” หนุนธุรกิจโตต่อเนื่อง

PRM รายได้ปี 66 ทะลุ 8,087 ล้านบาท เติบโต 4.82% กำไรสุทธิ 2,124 ล้านบาท ตอกย้ำธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง กางแผนปี 67 ลุยธุรกิจ “เรือปิโตรเคมี-ธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ต” เพิ่มเรือขนส่ง 3-4 ลำ ดันผลงานโตแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต


นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566) บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 8,086.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.82% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,715.40 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยหนุนมาจากกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ ที่สามารถให้บริการเรือ VLCC เต็มอัตราการใช้เรือครบทั้ง 3 ลำตลอดทั้งปี ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศสามารถชดเชยการชะลอตัวลงของธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ หรือ FSU เนื่องจากสภาวะ Backwardation ของตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรจากการขายเรือ FSU ที่ครบอายุการให้บริการในช่วงที่ราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงได้ถึง 312.20 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,214.00 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 จากกำไรสุทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท โดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา จึงคงเหลือจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.26 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567

อีกทั้ง นายวิริทธิ์พล กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในปี 2567 โดยบริษัทยังคงมุ่งขยายธุรกิจในกลุ่มเรือปิโตรเคมีและธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหาเรือขนส่งปิโตรเคมีเสริมกองเรือ เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นในภูมิภาค รวมถึงธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ต ที่ประเมินว่ายังมีความต้องการสูงตามกิจกรรมการผลิตและสำรวจปิโตรเลียมกลางทะเลที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทได้รับมอบ Medium Speed Crew Boat ต่อใหม่ไปแล้ว 1 ลำในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเตรียมรับเพิ่มอีก 1 ลำในเดือนมีนาคม 2567 นี้ ซึ่งทั้ง 2 ลำ มีลูกค้ารองรับทั้งหมดแล้ว

โดย Medium Speed Crew Boat ทั้ง 2 ลำนี้มีเทคโนโลยี Hybrid ที่ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากเสริมทัพกองเรือธุรกิจออฟชอร์ซัพพอร์ตแล้ว ยังเตรียมลงทุนกองเรือเพิ่มอีก 3-4 ลำ สนับสนุนผลประกอบการของปี 2567 เติบโตตามเป้าที่กำหนดไว้

“นอกจากนี้ ธุรกิจปี 2567 ที่มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2566 จากความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น หลังเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวและการท่องเที่ยวเติบโต รวมถึงการขยายกองเรือต่อเนื่อง นับเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยหนุนให้บริษัทเติบโตแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต” นายวิริทธิ์พล กล่าว

Back to top button