PPS กางแผนปี 67 อัพเกรดเทคโนโลยี-ลุยประมูลงานใหม่ 27 โครงการ ดันรายได้ปีนี้โต 15%   

PPS กางแผนธุรกิจปี 67 มุ่งเน้นอัพเกรดเทคโนโลยี ยกระดับบุคลากร พร้อมลุยประมูลงานใหม่ 27 โครงการ หวังดันแบ็กล็อก สิ้นปีอยู่ที่ 349 ล้านบาท ปักธงรายได้ปีนี้โต 10-15% แตะ 500 ล้านบาท ขณะที่ร่วมทุนพันธมิตรระดับโลก Fendi เตรียมเปิดตัว “วิลล่า” จ.ภูเก็ต มูลค่า 450 ล้านบาท เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูง


ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2567 บริษัทมีโครงการที่ทยอยลงทุนปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเสนองานกว่า 27 โครงการ โดยมีส่วนที่เซ็นสัญญาแล้วมูลค่ารวม 67.25 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะทราบผลประมูลภายในไตรมาส 1/2567 นี้

นอกจากนี้บริษัทฯประเมินว่าสิ้นปี 2567 จะมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 348.74 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 2-3 ปี  ที่ผ่านมาบริษัทมีปริมาณงานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้รับรู้รายได้จากการบริหารโครงการต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% และวางเป้าหมายรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้

ขณะเดียวกันในปี 2567 บริษัทมีงานที่ดำเนินการจำนวนมากในงานกลุ่มโยธา คือ งานวางระบบ โดยเฉพาะเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2567 บริษัทได้รับงานเพิ่มคิดเป็นมูลค่ารวม 67 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานกรมโยธา จำนวน 32 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงานก่อสร้างกลุ่มโรงพยาบาล

อีกทั้งบริษัทยังได้ร่วมกับโครงการใหญ่ อย่างโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เป็นงานออกแบบตกแต่งภายในโรงแรมและอื่นๆ โดยมีเพียงส่วนเดียวในโครงการที่บริษัทไม่ได้รับนั้นคือ ส่วนงานห้างเซ็นทรัลภายในโครงการ

พร้อมกับได้โครงการสร้างรันเวย์สนามบิน อาทิ สนามบินจังหวัดเชียงราย ซึ่งดำเนินการไปบางส่วนแล้ว ทั้งนี้ งานที่บริษัทดำเนินการอยู่เรื่อย ๆ คืองานประเภทรีโนเวทโลตัสสาขาต่างๆ และรีโนเวทภายในห้างขนาดใหญ่ อาทิ สยามพารากอน เป็นต้น

ดร.พงศ์ธร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีแผนการดำเนินงานเพิ่มเติมโดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรผ่านสถาบันการอบรม “PPS Academy” เน้นการสร้างรายได้เพิ่ม สร้างคน เพิ่มทักษะรับงานที่หลากหลาย เพื่อลดต้นทุนการจ้างงาน ลดการเสียเวลาและโอกาสในการได้บุคคลากรที่มีศักยภาพเหมาะสมกับความต้องการของบริษัท

โดยบริษัทฯ จะนำวัตกรรมการก่อสร้างและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ช่วยในการบริหารจัดการงานก่อสร้าง ทั้ง Software Kanna จัดการเอกสาร, จัดการงาน, ติดตามความคืบหน้า, รายงานและสื่อสารภายในทีม ทำให้บริษัทบริหารทรัพยากรบุคคลและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึง HoloBuilder แพลตฟอร์มการก่อสร้างแบบครบวงจรที่ใช้ภาพถ่าย 360 องศาและเทคโนโลยีการจับภาพความเป็นจริง

ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ทีมงานก่อสร้างสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้บริษัทสามารถดูแลลูกค้าได้มากขึ้น ลดจำนวนพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย และสามารถสร้างรายได้ประจำให้แก่บริษัทได้

นอกจากนี้ มีเป้าหมายระยะยาวที่จะสร้าง Carbon Neutral องค์กรภายในปี 2573 สามารถเป็นองค์กรที่ตรวจวัดและประเมิน Carbon Credit Equivalent และได้รับการรับรองจากองค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก คาดการณ์ว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทวนสอบ จากองค์การบริหารก็าซเรือนกระจกภายในไตรมาส 1/2567 นี้ คาดการณ์ว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่มองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลดคาร์บอน ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมและมีการบันทึกคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2561 รวมถึงรับรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง

นอกเหนือจากงานโครงการต่าง ๆ ที่กล่าวมา นั้นบริษัทยังมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรี่วิลล่าในที่ดินแหลมยามู จ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) หลังร่วมมือกับพันธมิตร Fendi แบรนด์ชั้นนำระดับโลก เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น Fendi Private Estates Phuket นับเป็น Fendi Private Estates แห่งที่ 2 ต่อจากสวิตเซอร์แลนด์

โดยจะเข้ามาเสริมความโดดเด่นให้โครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างภาพลักษณ์ของวิลล่า ตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับบน โดย จ.ภูเก็ต ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายของชาวต่างชาติที่ย้ายมาพำนักอาศัยจากภาวะสงคราม อีกทั้ง ภาพรวมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดี

ทั้งนี้ โครงการวิลล่าหรูที่กำลังก่อตั้งขึ้นบนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ แบ่งออกเป็น 8 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลวิวสวยสุดขอบแหลมยามู รายล้อมด้วยทัศนียภาพภูเขาและทะเลแบบรอบทิศทาง พื้นที่ 2,000 – 2,500 ตร.ม. อีกทั้ง โครงการดังกล่าว มีจำนวนทั้งหมด 8 หลัง มูลค่าโครงการที่เปิดขายนั้นเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 450 ล้านบาท และจะมีการปรับมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ หลังจากการเปิดขาย

“นอกจากนี้บริษัทยังกางแผนลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และศึกษาการพัฒนาโครงการวิลล่าแห่งใหม่ในภูเก็ตในโซนลากูน่า โดยจะเป็นรูปแบบการร่วมลงทุน ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะตั้งราคาไว้ประมาณ 100 ล้านบาท” ดร.พงศ์ธร กล่าว

Back to top button