“ฟุตซี่” ดาวน์เกรด CPF-HMPRO-IVL-SCGP ตกชั้น Large Cap มีผลวันนี้!

FTSE ประกาศรายชื่อ 23 หุ้นเข้าคำนวณ FTSE SET Index Series รายไตรมาสมีผลบังคับใช้ ราคาปิด 15 มี.ค. 67 CPF, HMPRO, IVL, SCGP หลุดเข้า Mid Cap และหุ้นเข้า Micro Cap ได้แก่ BOFFIC, BTSGIF, CIMBT, COCOCO, IMPACT, KCG, KEX, LHFG, MALEE, PIN, PSP, RABBIT, SAMART, SAV, SEAOIL, SKY, SCAP, WPH, WORK


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ระบุว่า ฟุตซี่ (FTSE) ประกาศผลการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดที่เข้าและออกในการคำนวณดัชนี FTSE SET Index Series รายไตรมาสมีผลบังคับใช้ ราคาปิดวันที่ 15 มี.ค. 67 โดยมีหลักทรัพย์ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าและถูกคัดออก ดังนี้

โดย FTSE SET Large Cap Index ไม่มีหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า และมีผู้ที่ถูกคัดออก 4 หุ้นได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL และ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP

ส่วน FTSE SET Mid Cap Index หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าได้แก่ CPF, HMPRO, IVL, SCGP และไม่มีหุ้นที่ถูกคัดออก

ด้าน FTSE SET Small Cap Index ไม่มีหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า และมีหุ้นที่ถูกคัดออก 5 หุ้นได้แก่ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX, บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT, บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM, บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART และ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK

ส่วน FTSE SET Micro Cap Index มี 19 หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าได้แก่ BOFFIC, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF, ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT, บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท หรือ IMPACT, บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG, KEX, บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG

รวมถึง บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN, บริษัท พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP, RABBIT, SAMART, บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV, บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL, บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY, บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP, บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH, WORK

สำหรับหุ้นที่ถูกออก Micro Cap จำนวน 35 หุ้นได้แก่ บริษัท เอเคเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AKS, บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B, บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG, บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD, บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN, บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ CMR, บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT, บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD, บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL

รวมถึง บริษัท ฟินันเซีย เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ FSX, บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC, บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ GRAND, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไฮโดรเจน หรือ HYDROGEN, บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC, บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ IT, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำตาลครบุรี หรือ KBSPIF, บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH, บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST

บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR, บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) หรือ PAP, บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE, บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF, บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM, บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO, บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ, บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT, บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH, บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM, บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TH, บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK, บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN, บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB, บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ VNG และ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE

อนึ่งดัชนี FTSE SET เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ FTSE Group โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการยกระดับดัชนีของตลาดทุนไทยให้มีสูตรการคำนวณที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งเพื่อรองรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ

Back to top button