TOP-BCP ท็อปพิก! ลุ้นกำไรไตรมาส 1 สดใส รับค่าการกลั่นฟื้น

“บล.ดาโอ” มองกำไรกลุ่มโรงกลั่นไตรมาส 1/67 สดใส รับค่าการกลั่นเพิ่ม-stock gain หนุน แนะนำ “ซื้อ” TOP-BCP ชูเป็นหุ้นท็อปพิกกลุ่ม


บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยประเมินว่าหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะกลับมารายงานกำไรที่แข็งแกร่งได้ในไตรมาส 1/2567 ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากทั้งค่าการกลั่นในตลาด (market GRM) ที่ดีขึ้นจากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ (Crude Premium) ที่อ่อนตัวลงทั้งจากปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า และความเป็นไปได้ที่จะรับรู้สินค้าคงเหลือ (stock gain)

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าความเสี่ยงทางรัฐศาสตร์และการเมืองของประเทศหรือตลาดหุ้นที่เข้าไปลงทุน หรือ geopolitical risk (โดยเฉพาะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน) ที่ดำเนินอยู่จะช่วยสนับสนุนให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (Crack Spread) ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปได้

ทั้งนี้ Diesel cracks (10ppm) เฉลี่ยตั้งแต่เริ่มต้นไตรมาส 1/2567 จนถึงปัจจุบันปรับตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับสูง 23.5 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะเดียวกัน gasoline cracks เฉลี่ยตั้งแต่เริ่มต้นไตรมาส 1/2567 จนถึงปัจจุบันก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงจากไตรมาสก่อนหน้าสู่ระดับ 17.5 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้น 40% จากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังคงให้กลุ่มโรงกลั่นมีความน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่กลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 1/2567 โดยได้แรงสนับสนุนจาก crude premium ที่อ่อนตัวและความเป็นไปได้ในการรับรู้ stock gain โดยมีหุ้นท็อปพิกคือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 65 บาท และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายที่ 50 บาท

ขณะเดียวกันมีมุมมองว่าปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะมาจาก 1) อัตราการใช้ปริมาณการกลั่น (crude run) ที่ทรงตัวในระดับสูง 2) crude premium ที่อยู่ในระดับต่ำ 3) กิจกรรมซ่อมบารุงของโรงกลั่นในภูมิภาค และ 4) ความเสี่ยงทางรัฐศาสตร์ที่ดำเนินอยู่

ส่วนภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในครึ่งแรกของปี 2567 เชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นจาก 1) อัตราการใช้ปริมาณการกลั่นที่ทรงตัวในระดับสูงเป็นเวลา 13 วันในเดือน ม.ค. 2567 2) crude premium ที่อยู่ในระดับต่ำ และ 3) กิจกรรมซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า geopolitical risk (โดยเฉพาะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน) ที่ดำเนินอยู่จะช่วยสนับสนุนให้ crack spread ยืนในระดับสูงต่อไปได้

โดยเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา รัสเซียประกาศห้ามการส่งออก gasoline เป็นระยะเวลา 6 เดือนเริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยรัสเซียส่งออก gasoline ประมาณ 5.8 ล้านตัน (ประมาณ 13%ของการผลิต) ในปี 2566 ขณะที่ยูเครนได้ใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นของรัสเซียอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.พ. 2567 เป็นต้นมา

Back to top button