นายกฯเร่งประชุมวันนี้! ชงครม.เคาะขาดดุลงบปี 68 เพิ่ม 1.5 แสนล้าน รับ “ดิจิทัลวอลเล็ต”

นายกฯประชุมด่วนวันนี้! ก่อนชง “ครม.” ขยายขาดดุลงบปี 68 เพิ่มวงเงิน 1.5 แสนล้าน จากเดิมที่ตั้งไว้ 7.13 แสนล้านบาท รวมเป็นการขาดดุลงบประมาณปี 68 ประมาณ 8.6 แสนล้านบาท รองรับการทำโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ก่อนถก 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ 9 เม.ย. 67


ผู้สื่อข่าวรายงาน จากแหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล ว่าความคืบหน้าเรื่องการหาแหล่งเงินมาทำโครงการเติมเงิน 10,000 บาทในกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณไปหารือกันให้ได้ความชัดเจนก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการฯ อีกครั้งในวันที่ 10 เม.ย.นี้

โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งเงินที่จะใช้ในโครงการนี้ว่าเป็นไปได้ 3 รูปแบบคือ การใช้เงินกู้เหมือนเดิมโดยออก พ.ร.บ.กู้เงิน, การใช้งบประมาณจากงบประมาณปี 67 โดยการออก พ.ร.บ.โอนงบประมาณ บวกกับการกู้ขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 68  และการใช้แหล่งเงินแบบผสมระหว่างเงินกู้ และเงินงบประมาณ

ทั้งนี้หากรัฐบาลจะใช้วงเงินงบประมาณปี 68 บางส่วนมาใช้ในโครงการนี้จะต้องปรับการกู้เงินขาดดุลงบประมาณจากเดิม ที่ตั้งการขาดดุลงบประมาณไว้ 7.13 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ทำให้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 ที่มีการกำหนดไว้เดิม 3.6 ล้านล้านบาท และขาดดุลงบประมาณ 7.13 แสนล้านบาท นอกจากนั้นจะต้องมีการปรับกรอบวงเงินระยะปานกลางของประเทศในปี 67-71 ด้วย ซึ่งการปรับกรอบดังกล่าวจะต้องเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยก่อนหน้านี้เคยมีการปรับกรอบการเงินระปานกลางไปแล้ว 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. 67

สำหรับความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการหาแหล่งเงินในโครงการนี้  ล่าสุดวานนี้ (1 เม.ย. 67) นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง.ของรัฐ ประชุมด่วนที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีหน่วยงานเศรษฐกิจเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), สำนักงบประมาณ, สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

อย่างไรก็ตามในส่วนของ ธปท. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้เดินทางมาประชุมด้วยตัวเองแต่มอบหมายให้นางอลิศรา มหาสันทนะ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน มาประชุมแทน ทั้งนี้การประชุมใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาที

โดยภายหลังการประชุมฯ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าที่ประชุมฯ เห็นชอบให้มีการขาดดุลงบประมาณในปี 68 เพิ่มอีกเป็นวงเงินประมาณ 1.5 แสนล้านบาทเศษ จากเดิมที่ตั้งงบประมาณขาดดุลฯไว้ 7.13 แสนล้านบาท รวมเป็นการขาดดุลงบประมาณปี 68 ประมาณ 8.6 แสนล้านบาทเศษ ซึ่งจะเป็นการขาดดุลฯ เพื่อรองรับการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะขาดดุลงบประมาณสูงระดับนี้แค่เพียงปีงบประมาณเดียว

ส่วนวงเงินที่เหลืออีกประมาณ 3.5 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะมาจากแหล่งเงินใดบ้าง แต่จะมีจากการโอน พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 การใช้งบกลางฯ บางส่วน รวมทั้งยังไม่ตัดเรื่องของการออก พ.ร.บ.กู้เงินฯ ออกไปแต่จะใช้การกู้เงินในวงเงินน้อยลง ซึ่งขณะนี้จะต้องมีการหารือกันอีกครั้งระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภายหลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณฯ 67 ประกาศใช้ก็จะมีความชัดเจนในเรื่องของประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณ หากมีการเบิกจ่ายไม่ได้ตามเป้าหมาย หรือล่าช้ามากรัฐบาลก็จะโอนงบประมาณส่วนนี้กลับมาได้มาก

ทั้งนี้ การปรับกรอบการคลังระยะปานกลางเนื่องจากมีการขาดดุลงบประมาณในปี 68 เพิ่มอีก 1.5 แสนล้านบาท จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (2 เม.ย. 67) ทันที

ในส่วนของการเรียกประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กระทรวงการคลัง, สำนักงบประมาณ, สศช. และ ธปท.จะมีขึ้นภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้วันที่ 9 เม.ย. จะสามารถเสนอให้ที่ประชุมครม. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 ที่มีการปรับปรุงใหม่ได้ตามปฏิทินงบประมาณที่กำหนดไว้

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการประชุมในวันนี้มีการปรับกรอบการคลังระยะปานกลางเพื่อให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น และรองรับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ขณะที่นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการปรับกรอบงบประมาณ 68 ต้องดูในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของรายรับและรายจ่าย ก็ต้องมีการปรับทั้งในส่วนของงบประมาณ 68 และปรับกรอบงบประมาณ 68 ให้มีความสอดคล้องกัน

ทั้งนี้ การจัดทำกรอบการคลังระยะปานกลางกำหนดว่าให้มีการทบทวนและปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งบอกว่าอย่างน้อยปีละ 1ครั้งต้องมีการปรับ แต่หากมีเหตุการณ์ที่สำคัญจำเป็นก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม

“เราก็ดูว่าการจัดทำงบประมาณ 68 ที่อยู่ระหว่างการจัดทำมีการปรับปรุงอะไร มีรายการอะไรที่ต้องไปดูแลภาคเศรษฐกิจให้มากขึ้นก็ต้องมาพิจารณาดูในส่วนนี้ ทั้งนี้ก็มีการปรับกรอบการคลังระยะปานกลางตารายละเอียดต้องรอให้ สศค.ให้รายละเอียดต่อไป” นายลวรณ กล่าว

เมื่อถามว่าดูแลภาคเศรษฐกิจก็คือการทำงบฯ ไว้รองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใช่หรือไม่ ปลัดกระทรวงการคลังตอบว่าก็ดูทุกอย่าง เพราะกรอบงบฯ นี้ทำมาตั้งแต่เกือบปีก่อนก็มีเหตุการณ์และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ดูตรงนี้ว่ามีความเหมาะสมมากกว่าหรือไม่ ถ้าปรับบางรายการให้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่าการปรับกรอบงบประมาณปี 68 และแผนการคลังระยะปานกลาง เป็นการปรับตามกรอบความเหมาะสมของภาวะเศรษฐกิจเนื่องจากในปี 67 ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มชะลอตัวลง โดย สศช.ก็บอกว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะโตได้แค่ประมาณ 2.7% แต่กรอบการคลังระยะปานกลางนั้นเราทำตั้งแต่ปีก่อนซึ่งสูงกว่านี้ ดังนั้นก็ต้องดูว่าจะมีการรองรับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพราะต้องมีเม็ดเงินตัวหนึ่งไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้

เมื่อถามว่ากระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้นั้นเป็นดิจิทัลวอลเล็ตใช่หรือไม่ ผ.อ.สศค.กล่าวว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดได้ชัดเจนขนาดนั้นเพราะตอนนี้เราพูดกันในเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไป และต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมส่วนจะขาดดุลงบประมาณเท่าไหร่จะต้องเข้าครม. ก่อน

Back to top button