“ชัยยศ” ชี้ “มูดี้ส์” ปรับเครดิตไทยกระทบ SET จำกัด ลุ้น “กนง.” หั่นดอกเบี้ย ชู 2 หุ้นเด่น

ชัยยศ จิวางกูร มอง Moody's ปรับแนวโน้มเครดิตไทยเป็น “Stable” จาก “Negative” แต่ยังคงอันดับเครดิตที่ Baa1 กระทบ SET Index จำกัด เหตุตลาดรับปัจจัยลบอื่นบางส่วนแล้ว พร้อมประเมิน กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25% ดันดัชนีรีบาวด์ ชูเก็งกำไร CPALL–SAWAD รับอานิสงส์ต้นทุนลด


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (30 เมษายน 2568) จากกรณีคืนวานนี้ 29 เม.ย. Moody’s หรือ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ปรับแนวโน้มเครดิตเรตติ้งของประเทศไทยเป็น Stable จากเดิม Negative แต่ยังคงอันดับเครดิตที่ Baa1 จากนโยบายเศรษฐกิจไทย และผลกระทบภาษีศุลกากร

โดยจากประเด็นดังกล่าว นับเป็นปัจจัยเชิงลบต่อ SET Index อย่างไรก็ตาม ต้องขอเกริ่นก่อนว่าการปรับตัวของ SET Index เกิดจากหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบพร้อมกัน ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้ ปัจจัยลบหลายอย่างได้ส่งผลให้ดัชนีอ่อนตัวลงค่อนข้างแรง ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยลบเหล่านั้นได้ถูกสะท้อนและรับรู้ไปในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น การปรับลดมุมมอง Outlook ของ Moody’s ลงในรอบนี้จึงอาจไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อตลาดมากนัก

อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางการลงทุนของ เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ในอนาคต โดยเฉพาะในแง่ของปริมาณเงินทุนที่จะไหลเข้าตลาดไทยว่าจะมีมากพอหรือเป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือไม่

ขณะที่ หากถามถึงกรณีการปรับลดมุมมอง Moody’s จะมีผลกระทบต่อการลงทุน Thai ESGX ในช่วงวันที่ 2 พ.ค.นี้ หรือไม่นั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์เชื่อว่าผู้ที่ตัดสินใจลงทุนใน Thai ESGX ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสิทธิประโยชน์ทาง ภาษี เป็นหลัก โดบผมมองว่าเรื่องนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมการลงทุน

สำหรับปัจจัยข้างต้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่นั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์ต้องขอเรียนว่า เรื่องการปรับแนวโน้มเครดิตเรตติ้งเป็นเพียงหนึ่งประเด็น เท่านั้น แต่ถ้ามองในมุมของภาพรวมเศรษฐกิจ GDP โดยเฉพาะการที่หลายสถาบันต่างๆ ปรับลดประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ GDP ซึ่งบางแห่งคาดการณ์ไว้เพียง 1.5% ถือว่าต่ำมาก สะท้อนว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ประเด็นนี้ คือ ปัจจัยหลักที่จะเป็นตัวสนับสนุนให้ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ หาก กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% มองว่า SET Index น่าจะตอบรับในเชิงบวกและมีโอกาสปรับตัวขึ้น โดยประเมินแนวต้านไว้ที่บริเวณ 1,175–1,180 จุด ซึ่งอาจไม่ได้ปรับตัวมากนักอันเนื่องมาจากยังมีปัจจัยลบหลายประการที่กดดันอยู่ในภาพรวม ขณะเดียวกัน ช่วงนี้ก็ใกล้เข้าสู่วันหยุดยาวในประเทศอาจทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติชะลอตัวลง ส่งผลให้ตลาดรีบาวด์ได้ระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ใรวันนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่า SET Index จะให้น้ำหนักประเด็นประชุม กนง. ในเชิงบวกมากว่าตอบรับประเด็น Moody’s ปรับลดเครดิต เหตุผลคือ การลดดอกเบี้ยส่งผลโดยตรงต่อภาระต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจ หากอัตราดอกเบี้ยลดลงจริง และสามารถช่วยพยุงภาคธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นที่เตรียมได้รับปัจจัยบวกจากประเด็น กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ย อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL จากคาดการณ์ว่าการปรับลดครั้งนี้จะส่งผลดีต่อต้นทุนทางการเงิน อีกทั้ง CPALL มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อบางประเภท จึงได้รับอานิสงส์ในเชิงบวกตามไปด้วย

ส่วนภาพรวมงบการเงินไตรมาส 1/2568 ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี มีแนวโน้มเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อหน้าและเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 80 บาท

รวมไปถึงหุ้นที่น่าสนใจ คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ในกลุ่มไฟแนนซ์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง โดยจะได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเช่นกันให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 39 บาท

Back to top button