DSI บุกชัยนาท ทลายแก๊ง “แอปเงินกู้ออนไลน์” ดอกเบี้ยโหด ทุนหมุนเวียนพันล้าน

รักษาการอธิบดี DSI นำทีมทลายแก๊งแอปเงินกู้ออนไลน์รายใหญ่ จ.ชัยนาท พบดอกเบี้ยโหดกว่า 2,000% ต่อปี รวมถึงเงินหมุนเวียนหลักพันล้าน พบมีพฤติกรรมโทรศัพท์ติดตามทวงหนี้ ข่มขู่ คุกคามลูกหนี้


ผู้สื่อข่าวรายงาน (4 เม.ย.67) ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 55/2566 กรณีแอปพลิเคชั่นเงินกู้ส่วนบุคคลออนไลน์ “กู้ได้ดีๆ” หรือ “ได้บาทง่าย ๆ – สินเชื่อด่วน” มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้โดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านช่องทางออนไลน์ และมีแอปพลิเคชั่นปล่อยเงินกู้ที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 80 แอพพลิเคชั่น มีการปล่อยกู้และเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2,339.65 บาท/ปี และกำหนดให้ชำระหนี้ภายใน 7 วันเท่านั้น หากไม่ชำระเงินภายในกำหนด จะมีกลุ่มบุคคลโทรศัพท์ติดตามทวงหนี้ ข่มขู่ คุกคามลูกหนี้และบุคคลที่ปรากฎรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ของ ผู้กู้

ทั้งนี้ ก่อให้เกิดความหวาดกลัว โดยแอปพลิเคชั่นดังกล่าวพบว่าปัจจุบันมียอดการดาวน์โหลดมากกว่า 1,000,000 ครั้ง จนปรากฏข้อมูลน่าเชื่อว่านายชาญยุทธ (สงวนนามสกุล) และนางสาวกานติมา (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของแอปพลิเคชั่นดังกล่าว ได้ใช้บัญชีเครือญาติและบัญชีม้าในการทำธุรกิจเงินกู้ออนไลน์ซึ่งมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นหลักพันล้านบาท

ด้าน พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี วรณัน  ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบและโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายอังศุเกติ์  วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท นำโดย พันตำรวจเอก นรากร บุญครอบ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท เข้าทำการตรวจค้นตามหมายค้นของศาลจังหวัดชัยนาท เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในพื้นที่จังหวัดชัยนาท รวม 2 จุด ดังนี้

จุดที่ 1 บ้านพักของนายชาญยุทธ และนางสาวกานติมา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท

จุดที่ 2 โรงสีวงษ์ชัยเจริญธัญญกิจ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของบุคคล ทั้งสอง และเคยปรากฏชื่อของนางสาวกานติมา เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น

สำหรับผลการตรวจค้น สามารถพบและยึดสิ่งของเป็นพยานหลักฐาน จำนวนหลายรายการ  ประกอบด้วยซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งที่ใช้แล้วและยังไม่ได้เปิดใช้ จำนวน 150 ชิ้น โทรศัพท์มือถือจำนวน 20 เครื่อง กล่องโทรศัพท์ จำนวน 70 กล่อง สมุดบัญชีเงินฝากจำนวน 120 เล่ม คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊กจำนวน 10  เครื่อง และเอกสารและไฟล์ดิจิทัลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจำนวนมากจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบนอกจากนั้นยังตรวจพบว่ามีการเปิดตู้เซฟกับธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาทคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงมีหนังสืออายัดตู้เซฟดังกล่าวเพื่อจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

Back to top button