TSR ปักธงรายได้ปี 68 แตะ 1.2 พันล้าน ลุยตลาด B2SME เล็งหาพันธมิตรใหม่

ผู้ถือหุ้น TSR พร้อมใจโหวตผ่านทุกวาระ พร้อมเปิดกลยุทธ์ปี 68 ปรับช่องทางขาย หันลุยตลาด B2SME-หาพันธมิตรเพิ่ม-พัฒนาเทคโนโลยี ตั้งเป้ารายได้แตะ 1,280 ล้านบาท


นายเอกรัตน์ แจ้งอยู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TSR เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2568 ในวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่ผ่านมามีมติเป็นเอกฉันท์โหวตผ่านทุกวาระ พร้อมอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการเข้าใหม่ ได้แก่ นายมนัส แจ่มเวหา, นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส และ นางสุมนา วงษ์กะพันธ์ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัท มีคณะกรรมการอิสระ รวมเป็น 6 ท่าน ซึ่งเป็นจำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ โดยการปรับโครงสร้างคณะกรรมการครั้งนี้เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสของการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี

ส่วนความคืบหน้ากรณีหนี้ของกลุ่มบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ตามข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่ง SABUY ได้ดำเนินการยื่นฟ้องบริษัทบังคับให้ชำระหนี้นั้น บริษัทได้แต่งตั้งทีมกฎหมายให้ดำเนินการแก้ต่างต่อสู้คดีและอาจมีการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพราะเหตุว่า ในช่วงที่มีการทำธุรกรรมกับ SABUY นั้น บริษัทได้ตรวจพบว่า มีการทำธุรกรรมที่ไม่โปร่งใส  และไม่ได้นำเงินไปประกอบธุรกิจหลักของบริษัท อันเข้าข่ายเป็นนิติกรรมการอำพราง มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันซับซ้อน และการทำธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ SABUY ได้แต่งตั้งกรรมการเข้ามาบริหารงานในบริษัท และผลของการบริหารงาน ก่อให้เกิดภาระหนี้สินและความเสียหายเป็นอันมาก ซึ่งบริษัทจะใช้สิทธิตามกฎหมายฟ้องบังคับให้บุคคลที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ตัดสิทธิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะเจรจาเพื่อหาข้อยุติในระหว่างการดำเนินคดี และหากมีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญ บริษัทจะเรียนในทุกท่านทราบต่อไป ส่วนหนี้ของเจ้าหนี้กลุ่มอื่นๆ ก็ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งรวมถึงพิจารณาขายสินทรัพย์เพื่อบางส่วน เพื่อชำระหนี้และลดความเสี่ยงการผิดนัดชำระที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมแตะระดับ 1,280 ล้านบาท เป็นผลมาจากกลยุทธ์ “TSR REBORN” ปรับช่องทางการขายเป็นแบบ Modern จากเดิม Traditional เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงการขยายสัดส่วนลูกค้าจาก B2C ไปยัง B2SME มากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าคุณภาพดี ยอดชำระเงินสดสูง หนี้เสียต่ำ โดยปัจจุบันสัดส่วนการขาย B2SME ภายใน 3 เดือน ประมาณ 12% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

“สำหรับกลุ่มเป้าหมาย B2SME บริษัทฯ มีแผนปล่อยสินเชื่อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ อาทิ ตู้กดน้ำอัลคาไลน์หยอดเหรียญ, เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ, ตู้กาแฟหยอดเหรียญ และเครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ โดยหลักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถนำไปต่อยอดสร้างมูลค่าได้ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างหาพันธมิตร รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพ เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น นายเอกรัตน์ กล่าว

Back to top button