
CKP ส่วนแบ่งขายไฟฟ้าพุ่ง-ค่าใช้จ่ายลด ดัน Q1 พลิกกำไร 70 ล้านบาท
CKP รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 พลิกมีกำไร 70 ล้านบาท จากขาดทุน 460.97 ล้านบาท หลังรับรู้รายได้ขายไฟฟ้าน้ำงึม 2 และ XPCL สปป.ลาว เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลด 5%
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 พบว่าพลิกมีกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 พลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 70.47 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 460.97 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรสุทธิจากการดำเนินงานของ XPCL เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณการขายไฟฟ้าและปริมาณการขายไฟฟ้าของ NN2 ที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำงึม 2 ที่มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บช่วงต้นปี 68 มากกว่าปีก่อน ส่งผลให้ NN2 สามารถประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 6.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 1,924.00 ล้านบาท ลดลง 5.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,034.80 ล้านบาท
อีกทั้ง บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนใน XPCL ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 6.40 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 249.40 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีสาเหตุหลักมาจาก ปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้ามากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 40.70% ส่งผลให้มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และต้นทุนทางการเงินลดลงตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก สุทธิกับการรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 1/68 เทียบกับการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการแปลงค่าสินทรัพย์ทางการเงินที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงไตรมาส 1/68 หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน XPCL ในไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 7.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 341.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนใน LPCL ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 1.70 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 312 ล้าน บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากหนี้สินระยะยาวส่วนที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของ LPCL มีมูลค่าลดลงเมื่อแปลงค่าเป็นเงินบาทจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงไตรมาส 1/68 หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนใน LPCL ในไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 22.10 ล้านบาท