
DUSIT เคลียร์ใจ! งบ Q1 ไร้ปัญหา-ชูแผนโอนเรสซิเดนซ์ 1.5 หมื่นล.- จ่อดันบ.ย่อยขาย IPO ปี 69
ไม่สะดุด! “ศุภจี” แจงกรณีงบ DUSIT ไตรมาส 1/68 ล่าช้า ไร้กระทบธุรกิจหลัก ชี้เป็นเพียงประเด็นภายในผู้ถือหุ้น เดินหน้าโอนโครงการ Dusit Residences มูลค่า 15,500 ล้านบาท ปลายปีนี้ หนุนรายได้-บรรเทาภาระดอกเบี้ย เตรียมขาย IPO บริษัทย่อยในเครือ “Dusit Foods” ปี 69
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยถึงกรณีปัญหาการอนุมัติงบการเงินไตรมาส 1/2568 ว่าประเด็นที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งที่มีอยู่ ซึ่งดิฉันขอชี้แจงว่าในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิฉันทำหน้าที่ในฐานะผู้บริหารสูงสุดที่รายงานต่อคณะกรรมการบริษัท ซึ่งในคณะกรรมการนั้นก็มีตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอุปสรรคชั่วคราวที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการภายในของผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทฯ ไม่สามารถก้าวล่วงหรือแสดงความเห็นเพิ่มเติมแทนผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ใช้ความพยายามแก้ไขปัญหาตามบทบาทที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะชัดเจนขึ้นภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 นี้
โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
“ขอย้ำว่า ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ตามปกติ ดิฉันขอให้ทุกท่านเข้าใจว่า ดิฉันไม่ได้ทำงานให้ผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่ง แต่ทำงานให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน หน้าที่หลักของดิฉัน คือ การนำศักยภาพของแบรนด์ DUSIT ซึ่งเป็นเสมือนอัญมณีของประเทศ ไปเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความงดงามและคุณค่าของประเทศไทยผ่านการดำเนินธุรกิจของเรา ซึ่งดิฉันภาคภูมิใจและมุ่งมั่นทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่” นางศุภจี กล่าว
ขณะที่ กรณีงบไตรมาส 1/2568 นั้นได้ผ่านผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย กรรมการตรวจสอบอนุมัติ ไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน คณะกรรมการบริษัทก็อนุมัติแล้ว อีกทั้ง คณะกรรมการบริษัทก็มีการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีสำหรับตรวจสอบงบไตรมาส 1/2568 เพื่อที่จะบรรเทาไม่ให้มีผลกระทบกับผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งจะต้องมีการอนุมัติวันที่ 25 เมษายน 2568 เพื่อให้ทันในกรอบระยะเวลาที่ทาง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนด
แต่เนื่องจากการประชุมในวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมาถูกเลื่อนออกไปทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งงบการเงิน อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทางบริษัทฯ ได้มีการเจรจากับ ตลท. ทำให้เกิดความเข้าใจและยอมนำงบไตรมาส 1/2568 ขึ้นเผยแพร่ผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่าขึ้น (Disclaimer) ผู้ตรวจสอบบัญชียังไม่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้ก่อน
ทั้งนี้ งบการเงินไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 47.86 ล้านบาท ลดลง 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 122.12 ล้านบาท โดยมีปัจจัยกดดันจากดอกเบี้ยจ่ายของหุ้นกู้ที่บริษัทฯออกและเสนอขายเพื่อรองรับสภาพคล่องทางการเงินในช่วงโควิด-19 และดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (ประมาณ 281 ล้านบาท) และดอกเบี้ยของหนี้สินจากสัญญาเช่าตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 (TFRS 16) (ประมาณ 297 ล้านบาท) รวมเป็นต้นทุนทางการเงินทั้งสิ้นประมาณ 578 ล้านบาท จึงเห็นได้ว่า การที่บริษัทมีภาระดอกเบี้ยสูงเนื่องจากบริษัทฯ ไม่ต้องการรบกวนผู้ถือหุ้นโดยการเพิ่มทุน จึงเป็นสาเหตุหลักในการขาดทุน ทั้งนี้ หากไม่รวมต้นทุนทางการเงินนี้ บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงาน ดังจะเห็นได้จากการที่บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน และ EBITDA ของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมถึงธุรกิจในปัจจุบันว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ดิฉันเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี เรามีโรงแรมภายใต้การบริหารทั้งหมด 27 แห่ง จนถึงวันนี้จำนวนโรงแรมที่บริษัทบริหารอยู่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 58 แห่ง
ด้านทิศทางการดำเนินธุรกิจ ดุสิตธานียังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะการดำเนินโครงการ Dusit Residences ภายใต้ Dusit Central Park ซึ่งกำลังเตรียมการโอนกรรมสิทธิ์มูลค่า 15,500 ล้านบาท ผ่านทีมงานที่มีความสามารถเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันยอดขายอย่างต่อเนื่อง รายได้และกำไรจากโครงการนี้ จะเริ่มเข้ามาอย่างเป็นรูปธรรมและมีบทบาทในการช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยทางการเงินที่บริษัทเผชิญอยู่
ขณะที่ โครงการ Dusit Central Park ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 5 ส่วน ยกตัวอย่าง โรงแรมที่เราใช้งานอยู่ในขณะนี้ได้เปิดให้บริการในรูปแบบ (soft opening) ไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา และโครงการ Dusit Residences ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของปัจจุบันสามารถปิดการขายไปได้แล้วประมาณ 88% ซึ่งบริษัทฯ มีแผนเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้บางส่วนในช่วงปลายปี 2568 และคาดว่าต้นปี 2569 จะเป็นปีที่สามารถเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างเต็มที่ โดยส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการได้อย่างชัดเจน
หากถามถึงกลุ่มธุรกิจอาหารของดุสิตที่มีผลกำไรลดลง เป็นผลมาจากช่วงโควิดหรือไม่นั้น คงไม่ใจปัจจัยหลัก ซึ่งความตั้งใจของเรานั้น ต้องการออกแบบธุรกิจอาหารมาเพื่อทำหน้าที่เป็น ศูนย์กลางสนับสนุน ให้กับธุรกิจหลักของกลุ่ม โดยมีการผลิตสินค้าต่างๆ เช่น เครื่องปรุง ผลไม้แปรรูป ข้าว และวัตถุดิบอื่นๆ อย่างไรก็ตามรายได้ที่เกิดไม่สามารถรับรู้เป็นรายได้รวมของบริษัทตามหลักการบัญชี เนื่องจากจะต้องมีการ ตัดรายการระหว่างกัน (elimination)
ส่วนถามถึงแผนการนำธุรกิจในเครือ “ดุสิต ฟู้ดส์” (Dusit Foods) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) นั้น ด้วยโครงสร้างของ ดุสิต ฟู้ดส์ เป็นบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) และมีลักษณะการรวมบัญชี (Consolidation) กับบริษัทย่อยหลายแห่ง ดังนั้น บริษัทจึงมีแนวโน้มนำบริษัทย่อยบางแห่งใน ดุสิต ฟู้ดส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก่อนภายในปีหน้า
ด้านธุรกิจ Dusit Food School ซึ่งเปิดดำเนินการมาได้ประมาณ 2 ปี แม้ในปัจจุบันผลประกอบการอาจยังไม่สามารถสร้างกำไรได้ แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยไม่ได้มีผลประกอบการที่ถือว่าแย่แต่อย่างใด ในปีที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรระยะสั้น (short courses) ประมาณ 1,400 คน และหลักสูตรระยะยาว (long courses) ประมาณ 180 คน แม้จะอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเนื่องจากมีโรงเรียนสอนทำอาหารเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่โดยรวมแล้ว Dusit Food School ยังคงมีสมรรถนะทางธุรกิจ (performance) ที่ดี
สุดท้ายนี้ หากย้อนกลับไปพิจารณาว่าโครงการ Dusit Central Park เกิดขึ้นได้อย่างไร สาเหตุหลักมาจากศักยภาพของพื้นที่โครงการ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่มีความโดดเด่นอย่างมาก เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะพัฒนาเป็นโครงการที่มีองค์ประกอบมากกว่าการเป็นเพียงโรงแรม
ด้วยวิสัยทัศน์ดังกล่าว บริษัทฯ จึงวางแนวทางในการพัฒนาโครงการ เนื่องจากที่ตั้งเป็นจุดตัดสำคัญของระบบขนส่งมวลชนทางราง จึงเลือกมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านความร่วมมือจึงได้เกิดขึ้นกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีทั้งศักยภาพ ความเชี่ยวชาญในด้านศูนย์การค้าและมีอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับดุสิตธานี ในการร่วมกันพัฒนาให้โครงการ Dusit Central Park