CGSI ชี้ “กลุ่มเครื่องดื่ม” เจอต้นทุนพุ่ง หลัง “กพช.” ปรับโครงสร้างราคาก๊าซ

CGSI ประเมินกลุ่มเครื่องดื่มขวดแก้วรับแรงกดดันต้นทุนก๊าซพุ่งหลัง กพช. ปรับโครงสร้างราคา ชี้ OSP เสี่ยงสูงกว่า CBG พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” CBG เป้า 81 บาท


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์ล่าสุดภายหลังคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 โดยเปลี่ยนจากระบบ single pool gas ที่อิงราคาก๊าซเฉลี่ยจากอ่าวไทย เมียนมา และ LNG นำเข้า ไปสู่ระบบใหม่ที่อิงราคานำเข้า LNG เป็นหลัก ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าอย่างชัดเจน โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ราคาก๊าซจากระบบเดิมอยู่ที่ 315 บาทต่อล้านบีทียู ขณะที่ LNG อยู่ที่ 484 บาทต่อล้านบีทียู

โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบสำคัญโดยตรง โดยเฉพาะผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เช่น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP และบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ซึ่งจะต้องแบกรับต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ CGSI ประเมินว่า OSP จะได้รับผลกระทบมากกว่า CBG เนื่องจากในปี 2568 รายได้ของ OSP กว่า 58% มาจากเครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลังและ C-vitt ขณะที่ CBG มีรายได้จากบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วเพียง 31% โดยอีก 46% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังเป็นสินค้าส่งออกในรูปแบบกระป๋อง ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ

ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัท ต้นทุนก๊าซของ CBG คิดเป็น 3-4% ของต้นทุนการผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง หรือราว 1.5-2.0% ของต้นทุนรวม ขณะที่ OSP มีต้นทุนก๊าซสูงกว่าที่ประมาณ 6% ของต้นทุนรวม ซึ่ง CGSI คาดว่าภายใต้สมมติฐานที่โครงสร้างราคาใหม่เริ่มมีผลกลางปี 2568 และราคายังคงส่วนต่างเดิม กำไรสุทธิของ CBG อาจลดลง 1.7% ในปี 2568 และ 3.4% ในปี 2569 ขณะที่กำไรสุทธิของ OSP อาจลดลง 7.6% และ 16.9% ตามลำดับ

CGSI ยังคงแนะนำ “ซื้อ” CBG ที่ราคาเป้าหมาย 81 บาท เนื่องจากมองว่า CBG มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าและมีความเสี่ยงจากต้นทุนก๊าซต่ำกว่า โดยเฉพาะแรงหนุนจากการเปิดโรงงานใหม่ในเมียนมาช่วงปลายไตรมาส 2/2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศดังกล่าวและสนับสนุนยอดขายในต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี CGSI ยังคงน้ำหนักการลงทุน “Neutral” สำหรับกลุ่มเครื่องดื่มโดยรวม โดยระบุว่าแม้อาจมีอัพไซด์หากการบริโภคฟื้นตัวหรือราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลัก เช่น น้ำตาลและอลูมิเนียม ยังคงอยู่ในช่วงขาลง แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวที่อาจกระทบต่อความต้องการเครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงผลกระทบต่อเนื่องจากโครงสร้างราคาก๊าซใหม่ที่อิงกับ LNG

Back to top button