
ลุ้น 5 หุ้นไปต่อ
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ก็คงไม่มีอะไรดีกว่าสัปดาห์ก่อนสักเท่าไหร่? เพราะปัญหาการสู้รบระหว่างไทยกับเขมรยังดำเนินต่อไป
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ก็คงไม่มีอะไรดีกว่าสัปดาห์ก่อนสักเท่าไหร่? เพราะปัญหาการสู้รบระหว่างไทยกับเขมรยังดำเนินต่อไป ส่วนความยุ่งเหยิงของการเมืองก็ยังมีให้เห็นตลอดเวลา ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวก็ทำท่าจะชะลอหนักขึ้นในปีหน้า “โมนิกา” ถึงรู้สึก so sad เมื่อเห็นสภาพบ้านเมืองยังถดถอยต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นไม่ไหวไงล่ะคะ
ที่สำคัญคือการขึ้นของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมายังเป็นลักษณะ “เด้งแล้วลง” ขณะที่ตลาดหุ้นที่อื่น ๆ ขึ้นแล้วพัก..พักแล้วขึ้น ย่อมเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนกองทุนใช้ยุทธวิธีรินหุ้นออกมาทุกจังหวะ แต่วานนี้ตลาดหุ้นไทยกลับเด้งขึ้นมาปิดที่แค่ระดับ 1,273.40 จุด บวกไป 19.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.33 หมื่นล้านบาท จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นต่อไปว่า วันนี้จะเป็นเช่นไรนะจะบอกให้
เนื่องจากเมื่อดูผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยจากการเล่นแบบ passive จะเห็นว่า ติดลบ 10% ขณะเดียวกันเมื่อเล่นแบบ Day Trade จะเห็นว่า ติดลบเช่นกัน “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยลดลงต่อเนื่อง เพราะคิดจะเล่นท่าไหนก็กระเป๋าฉีกอยู่ดี แถมหุ้นที่พอเล่นได้ก็มีไม่ถึง 30 ตัว ทั้งที่หุ้นในตลาดมีมากกว่า 800 ตัวแบบนี้ อีฉันเลยเข้าใจเหตุผลที่รายย่อยเลือกใช้วิธีหยุดเล่น เพื่อรอให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นพะยะค่ะ
ขนาดสัปดาห์ก่อนหุ้น BDMS ไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง และคาดหวังหุ้นจะไปต่อ แต่วานนี้กลับโดนรินขายตั้งแต่หัววัน และเป็นการกลับลงมายืนต่ำกว่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 20 บาทอีกครั้ง แต่ช่วงภาคมีกลับไล่ราคากันอีกครั้ง หุ้นเลยวิ่งขึ้นมาปิดเสมอตัวที่ระดับ 20.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.34 พันล้านบาทแบบนี้ เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า หุ้นตัวนี้พร้อมวิ่งต่อเหมือนที่ประเมินกันไว้นะตัวเอง
เช่นเดียวกับในรายของ MTC ซึ่งเก็งกันว่า น่าจะได้รับผลดีจากลดดอกเบี้ย และราคาหุ้นก็ตอบรับอย่างรวดเร็วเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่สัปดาห์นี้กลับโดนขายตั้งแต่หัววันเช่นกัน ก่อนจะกลับมาดันหุ้นในช่วงบ่าย และยืนปิดไปที่ระดับ 35.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217 ล้านบาทเฉยเลย! และถ้าพูดให้เห็นภาพชัดขึ้นมาอีกนิดหนึ่งก็คือ ขายแล้วไม่ลง ก็ดันกันต่อเจ้าค่ะ
ส่วนรายที่ต้องลุ้นว่า วิ่งยาวไหม? อีฉันขอมองไปที่เจ้าจำปี THAI หลังพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 9 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 391 ล้านบาท น่าจะเกิดจากข่าวนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น หลังจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หายไปช่วงหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามการประชุมวิสามัญที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค. 68 จะออกมาราบรื่นขนาดไหน? เพราะจะเป็นตัวบอกให้รู้ว่า หุ้นควรจะได้ไปต่อไหม?..อิอิอิ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้น EA เป็นรายถัดมา เพราะรายนี้มีเรื่องประชุมหุ้นกู้ในวันที่ 16 ธ.ค. 68 ซึ่งหลายกระแสเม้าท์ตรงกันว่า หากผู้ถือหุ้นกู้ยกมือให้ทุกวาระ ก็จะทำให้การบริหารจัดการคล่องตัวขึ้น ขณะเดียวกันยังมีเรื่องประมูลรถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 1,520 คัน ในวงเงิน 1.50 หมื่นล้านบาทแบบนี้ อีฉันถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 2.84 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 6.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 173 ล้านบาทน่าตามน้ำค่ะ
ในเมื่อมีหวังขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น PTTGC เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 20.70 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 410 ล้านบาท ก็มาจากเรื่องเทิร์นอะราวด์เป็นประเด็นหลัก รวมทั้งผลขาดทุนในช่วง 9 เดือนปี 68 ก็ลดลงจากปีก่อนมาก บรรดานักวิเคราะห์เลยเชื่อว่า ไตรมาส 4 ปี 68 จะกลับมามีกำไรอีกครั้ง และมีโอกาสที่หุ้นจะวิ่งไปหาราคาเป้า 25 บาทค่ะ
โมนิก้าและทีมงาน