ก.ล.ต.เตือนผู้ถือหุ้น PTECH พิจารณา “ความเสี่ยง” ก่อนโหวตอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ SABUY

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกแถลงการณ์ขอให้ผู้ถือหุ้นบริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH พิจารณาข้อมูลอย่างละเอียดและเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เพื่อใช้สิทธิออกเสียงในวาระการให้สัตยาบันรายการความช่วยเหลือทางการเงินที่มีลักษณะเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกับบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน PTECH

โดยประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ การให้สัตยาบันรายการจำนองที่ดิน อาคารสำนักงาน และโรงงานของ PTECH มูลค่าตามบัญชี 155.77 ล้านบาท เป็นหลักประกันสินเชื่อหมุนเวียนของ SABUY ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 พร้อมมีการคิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันในอัตราร้อยละ 1.75 ต่อปี โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ได้ประเมินและให้ความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติรายการดังกล่าว

สำหรับเหตุผลสำคัญที่ IFA ไม่แนะนำให้อนุมัติ ได้แก่ การที่ PTECH ไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากการกู้ยืมของ SABUY อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียสินทรัพย์หลักที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกันที่อาจไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังพบว่า SABUY มีประวัติผิดนัดชำระหนี้กับหลายสถาบันการเงิน รวมถึงกรณีที่ทรัพย์สินของ PTECH ถูกใช้เป็นหลักประกัน และยังคงมีการค้างชำระค่าธรรมเนียมแก่ PTECH

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง IFA ยังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี 2564 กลุ่ม PTECH ได้รับวงเงินกู้จากกลุ่ม SABUY รวม 433.56 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.39 – 6.89 ต่อปี ซึ่งถูกมองว่าไม่เหมาะสม และไม่มีหลักฐานว่าได้ดำเนินการอนุมัติเงินกู้หรือใช้ตามวัตถุประสงค์ตามกระบวนการที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ แม้ว่าที่ประชุมจะมีมติอนุมัติหรือไม่อนุมัติรายการดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบของ PTECH เปิดเผยว่า ได้มีแนวทางรองรับไว้แล้ว เช่น การเจรจากับธนาคารของ SABUY หรือการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.เน้นย้ำให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงอย่างรอบด้าน พร้อมสอบถามข้อมูลจากผู้บริหาร PTECH เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการลงคะแนน ซึ่งตามเกณฑ์แล้ว รายการดังกล่าวต้องได้รับเสียงเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 75% ของจำนวนเสียงที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง โดยไม่นับรวมผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย