
“ทองฟิวเจอร์” พุ่งแตะ 3,347 เหรียญ หลัง “ทรัมป์” ขู่เก็บภาษียุโรป 50% เริ่ม 1 มิ.ย.นี้
“ราคาทองฟิวเจอร์” ทะยานกว่า 50 เหรียญ นักลงทุนแห่ซื้อหนีความเสี่ยงจากสงครามการค้า หลัง “ทรัมป์” เตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากร 50% ต่อสินค้าในกลุ่ม EU เริ่ม 1 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาสัญญาทองคำฟิวเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงในค่ำวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจปะทุขึ้นระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป รวมถึงความไม่มั่นคงทางการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงยังช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำในตลาดโลก
โดย ณ เวลา 20.56 น.ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 52.40 ดอลลาร์ หรือ 1.59% แตะระดับ 3,347.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นระดับที่ใกล้ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 3,350 ดอลลาร์
สำหรับปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดการเงินในครั้งนี้มาจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งโพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า “การเจรจาข้อตกลงกับสหภาพยุโรปเป็นไปอย่างยากลำบากมาก การหารือกับพวกเขาไปไม่ถึงไหนเลย!” พร้อมระบุว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% ต่อสินค้าในกลุ่ม EU โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้
นอกจากประเด็นการค้าระหว่างประเทศ นักลงทุนยังให้ความสนใจต่อร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลสหรัฐที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ระดับขาดดุลงบประมาณของสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกราว 4 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ความกังวลเรื่องสถานะทางการคลังของสหรัฐยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากมูดี้ส์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐ โดยให้เหตุผลถึงภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว