โบรกแนะ 4 หุ้นเด่นน่าลงทุน รับอานิสงส์ส่งออกไทย เม.ย.โต 10%

KSS มองส่งออกของไทยประจำเดือนเมษายน 2568 พบว่ามูลค่าการส่งออกขยายตัว 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมแนะเก็งกำไร DELTA-CPF-AAI-MALEE รับอานิสงส์รายกลุ่มเด่น


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยบทวิเคราะห์แนวโน้มการส่งออกของไทยประจำเดือนเมษายน 2568 พบว่ามูลค่าการส่งออกขยายตัว 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะยังอยู่ในแดนบวกแต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 12.2% และชะลอตัวลงจากอัตราการเติบโต 17.8% ในเดือนมีนาคม

ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 16.1% สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 7.3% ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนเมษายนขาดดุล 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าคาดที่ -1.2 พันล้านดอลลาร์ฯ และเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมที่ขาดดุล 980 ล้านดอลลาร์ฯ

ในภาพรวม กลุ่มสินค้าที่ส่งออกได้ดีอย่างโดดเด่นในเดือนเมษายน ได้แก่

เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ขยายตัว 75.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (เฉลี่ย 4 เดือน +64.3%)

แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัว 39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (เฉลี่ย 4 เดือน +28.1%)

ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA และบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE

ขณะเดียวกัน กลุ่มสินค้าที่เติบโตใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 4 เดือน ได้แก่

น้ำมะพร้าว +43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (4M +44%) หนุนเชิงบวกต่อ บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือMALEE และ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO

ยางพารา +22.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (4M +30.1%) บวกต่อ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA และ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER

ไก่สดแช่เย็น +8.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (4M +8.8%) สนับสนุน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF และบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT

อาหารสัตว์เลี้ยง +10.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (4M +12.1%) ส่งผลดีต่อ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI และบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC

ในทางกลับกัน กลุ่มที่หดตัว ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง ที่ลดลง -1.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (4M +1.2%) ซึ่งเป็นลบเล็กน้อยต่อหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน โดยทาง KSS ประเมินว่าปัจจัยแวดล้อมด้านอัตราแลกเปลี่ยนยังคงกดดันกลุ่มส่งออก โดยค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน ทำให้ยังไม่แนะนำการลงทุนระยะยาวในกลุ่มส่งออกโดยรวม

อย่างไรก็ตาม แนะนำกลยุทธ์ Selective Trading ระยะสั้นในกลุ่มที่มีแนวโน้มส่งออกแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ

กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ DELTA

กลุ่มไก่แปรรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF

กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI

กลุ่มน้ำมะพร้าว MALEE

Back to top button