จังหวะทอง! ค่าระวางเรือขาขึ้น “กรุงศรี” แนะทยอยเก็บ RCL-PSL-TTA

บล.กรุงศรี มองค่าระวางเรือเทกอง (BDI) จะทยอยฟื้นตัวขึ้นตามความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ ท่ามกลางอุปทานที่จำกัดแนะนำทยอยสะสมหุ้นเดินเรือ RCL-PSL-TTA รับอานิสงส์ค่าระวางเรือ BDI และคอนเทนเนอร์ฟื้นตัว


ผู้สื่อข่าวรายงาน ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับเพียง 738 จุด ก่อนจะทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดขยับขึ้นมาแตะระดับ 1,340 จุด สะท้อนแนวโน้มความต้องการขนส่งสินค้าทางเรือที่ฟื้นตัว หนุนบรรยากาศเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเดินเรือในตลาดทุนไทย

ทั้งนี้ สอดคล้องกับฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุว่า การที่สหรัฐอเมริกา และจีนชะลอการตอบโต้ด้านภาษีนำเข้า โดยสหรัฐฯ ปรับลดอัตราภาษีสินค้าจีนจาก 145% เหลือ 30% และจีนปรับลดอัตราภาษีสินค้าสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10% โดยมีผลถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2568 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงปลายเปิด (Tail Risk) จากนโยบาย “Trump Tariff Wall” และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สะท้อนถึงการเจรจาผ่อนคลายเงื่อนไข ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างซัพพลายเชน (Forced Rerouting) ที่ส่งผลให้เกิด supply shock ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

ทั้งนี้ สถานการณ์ในทะเลแดง (Red Sea), ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในท่าเรือ และการเบี่ยงเส้นทางการขนส่งที่ยังคงดำเนินอยู่ ประกอบกับแนวโน้มการเร่งนำเข้าสินค้า (Front Load) ในภาคการผลิตและอุปโภคบริโภคเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากกำแพงภาษี ล้วนเป็นปัจจัยหนุนค่าระวางเรือ ทั้งในกลุ่ม Container และ Dry Bulk

ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ลำดับรองของเอเชีย มีแนวโน้มได้รับประโยชน์เชิงโครงสร้างจากการปรับเปลี่ยนเส้นทางขนส่งมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง – มาบตาพุด และท่าเรือน้ำลึกในโครงการ EEC ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อการขยายบทบาทของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

ในด้านค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ทาง KSS คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวขึ้นตามความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ ท่ามกลางอุปทานที่จำกัด โดยประเมินว่า BDI มีแนวโน้มแตะระดับใกล้ 2,200 จุดในช่วงปลายไตรมาส 3 ปี 2568

ขณะที่ค่าระวางเรือ Container ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงตึงตัวจากความต้องการเปลี่ยนเส้นทางขนส่งมายังภูมิภาคนี้ โดย KSS ประเมินว่าอิงดัชนี Drewry World Container อาจปรับขึ้นแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์/ตู้ขนาด 40 ฟุต ในช่วงไตรมาส 3 และหากสถานการณ์เป็นบวก อาจแตะระดับ 6,000 ดอลลาร์/ตู้ในช่วงปลายไตรมาส 4 ปีนี้

ผลกระทบต่อกลุ่มเดินเรือ

บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ราคาหุ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวกสูงกับค่าระวางเรือ Container โดยมีค่า Correlation ราว 0.82

บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ราคาหุ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับค่าระวางเรือเทกอง (BDI) โดยมีค่า Correlation ราว 0.67

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ราคาหุ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับ BDI ที่ระดับราว 0.736 และมีธุรกิจที่กระจายความเสี่ยง ทั้ง Dry Bulk และ Offshore Energy

กลยุทธ์การลงทุนโดย KSS: ทีมกลยุทธ์แนะนำ “Buy on Freight Volatility” โดยเน้นทยอยสะสมหุ้นกลุ่มเดินเรือในช่วงที่ค่าระวางเรือผันผวนในทิศทางขาขึ้น พร้อมกำหนดกลยุทธ์การขายทำกำไรบางส่วนหรือลดพอร์ตก่อนเข้าสู่ไตรมาส 4/2568 ซึ่งอาจเริ่มมีความไม่แน่นอนจากนโยบายของสหรัฐฯ กลับมาอีกครั้ง

หุ้นเด่นที่แนะนำ ดังนี้

RCL ได้อานิสงส์จากค่าระวางในภูมิภาค แต่มีความอ่อนไหวต่อความเคลื่อนไหวในจีนมากกว่ากลุ่มอื่น โดยแนวรับ 26.5 / 25.5 บาท, แนวต้าน 30.0 / 32.0 บาท, Cut loss ต่ำกว่า 24.6 บาท โดยให้ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 25.6 บาท

PSL ได้อานิสงส์เต็มจาก BDI ที่อยู่ในระดับสูง และกำไรไตรมาส 2/2568 มีแนวโน้มโดดเด่น มีแนวรับ 6.15 / 6.0 บาท, แนวต้าน 6.6 / 7.0 บาท, Cut loss ต่ำกว่า 5.8 บาท โดยให้ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 5.96 บาท

TTA มี Exposure ผสมระหว่าง Dry Bulk และ Offshore Energy ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น แนวรับ 4.40 / 4.04 บาท, แนวต้าน 4.4 / 4.74 บาท, Cut loss ต่ำกว่า 3.9 บาท โดยให้ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 4.4 บาท

Back to top button