
“ชัยยศ” เชียร์หุ้นสื่อสารถือยาว ADVANC-TRUE พร้อมชู MTC-BCH เด่นเล่นรอบสั้น
นายชัยยศ จิวางกูร มอง SET ฟื้นตัวตามตลาดโลก ชู ADVANC-TRUE เด่นระยะยาว MTC-BCH น่าสนใจระยะสั้น รับปัจจัยบวกเฉพะ
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ว่าเช้าวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ปรับตัวลดลงแรงในวันก่อนหน้า โดยประเมินว่า ดัชนี SET อาจมีแรงซื้อกลับ โดยให้แนวรับที่บริเวณ 1,155 – 1,160 จุด และแนวต้านที่ 1,170 – 1,175 จุด ทั้งนี้
คำแนะนำการลงทุน มีดังนี้
สำหรับระยะยาว แนะนำลงทุนในกลุ่ม ICT โดยเฉพาะหุ้น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ออกมาดี โดยรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มาร์จิ้นของธุรกิจโทรศัพท์มือถือดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ากำไรสุทธิของหุ้นกลุ่มนี้จะยังอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งปี
ส่วนระยะสั้น เหมาะกับกลยุทธ์ Selective Play โดยเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะ ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ แนะนำหุ้น MTC เป็น Top Pick โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 58 บาท สืบเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ที่เริ่มปรับตัวลดลง
กลุ่มโรงพยาบาล แนะนำหุ้น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH (โรงพยาบาลเกษมราษฎร์) โดยผู้บริหารให้ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ว่าจะเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่คาดว่าจะฟื้นตัวหลังผ่านช่วงเดือนรอมฎอน ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 19 บาท
กรณีหุ้นกลุ่มไฟฟ้าที่มีการลงทุนในเวียดนาม ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เผชิญแรงกดดันหลังเกิดประเด็นการปรับลดค่าไฟฟ้าโดยรัฐบาลเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า ราคาหุ้นกลุ่มนี้ได้สะท้อนความกังวล (Price In) ไปในระดับหนึ่งแล้ว
ระดับผลกระทบต่อแต่ละบริษัท มีดังนี้
GULF ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ราว 1-2% เนื่องจากมีการกระจายการลงทุนในหลายประเทศ
GUNKUL ได้รับผลกระทบในระดับปานกลาง ราว 5-6%
BGRIM ได้รับผลกระทบสูงสุด ราว 8% ซึ่งสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาหุ้น
ทั้งนี้ หากการปรับลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลเวียดนามเกิดขึ้นโดยพลการ และไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขสัญญา และอาจนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้องได้ จึงต้องติดตามการตรวจสอบข้อกฎหมายและเงื่อนไขสัญญาเพิ่มเติมต่อไป