
BAFS แย้ม Q2 โตต่อ รับน้ำมันอากาศยานพุ่ง-รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว ดันรายได้ปีนี้ 3.8 พันล้าน
BAFS ส่งซิกไตรมาส 2/68 โตต่อเนื่อง รับอานิสงส์น้ำมันอากาศยานโต และนโยบายรัฐกระตุ้นท่องเที่ยว พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 68 แตะ 3.8 พันล้านบาท โต 9% จากปีก่อน
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 29 พ.ค.68 ว่ามีรายได้รวมอยู่ที่ 967.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 866.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 143.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.94% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 82.86 ล้านบาท
จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินอย่างต่อเนื่องของธุรกิจการบินที่เข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ทำให้ไตรมาสนี้รายได้รวมของกลุ่มธุรกิจ Aviation เพิ่มขึ้น 13% โดยมีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน เพิ่มขึ้น 13% เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Utilities ที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 7% โดยเพิ่มขึ้นจากปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) เพิ่มขึ้น 24% จากการทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น และ กลุ่มธุรกิจ Power เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามปริมาณการขายไฟฟ้า
สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2568 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าปริมาณน้ำมันอากาศยานจะขยายตัวราว 6% จากไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการเดินทางทางอากาศ แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวบางส่วนในตลาดจีนและเอเชียตะวันออก จากปัจจัยด้านจำนวนเที่ยวบินและอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (load factor) ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดยุโรปและเอเชียใต้ยังคงเติบโตได้ดี
ส่วนในด้านนโยบายของภาครัฐและภาคเอกชน มีความพยายามร่วมกันในการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อดึงเที่ยวบินและผู้โดยสารกลับมา ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของธุรกิจบริการน้ำมันอากาศยานในระยะถัดไป
ด้าน AOT อยู่ระหว่างพิจารณาการขยายศักยภาพของสนามบินดอนเมืองด้วยโครงการ Terminal 3 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวจาก 29.75 ล้านคนต่อปี เป็น 30-50 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าวอีกว่า BAFS ได้เตรียมความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยปัจจุบันมีขีดความสามารถในการจัดเก็บน้ำมันอากาศยานที่ดอนเมืองสูงสุดถึง 21 ล้านลิตร รองรับปริมาณน้ำมันจากเดิม 3 ล้านลิตร/วัน เป็น 6 ล้านลิตร/วัน และสามารถจัดเก็บได้มากกว่า 3.5 วัน ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานสากล พร้อมทั้งมีระบบท่อส่งน้ำมัน 2 เส้นทาง (redundancy) เสริมความมั่นคงในการให้บริการ
การลงทุนเพิ่มเติมของ BAFS ที่ดอนเมืองคาดว่าจะมีเพียงเล็กน้อย ได้แก่ การขยายจำนวนรถขนส่งน้ำมัน เพิ่มอุปกรณ์ และพัฒนาระบบ IT ภายใต้โครงการ i-Smart
ในส่วนของสนามบินอู่ตะเภา BAFS (ถือหุ้น 76%) และ OR (ถือหุ้น 45%) กำลังร่วมพัฒนาโครงการระบบให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานครบวงจรภายใต้โครงการ EEC โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 2,200 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มสร้างผลตอบแทนเมื่อสนามบินเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์และมีปริมาณน้ำมันเพียงพอ
สำหรับธุรกิจผลิตและประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS INTECH มีอัตรากำไร (margin) อยู่ในระดับที่น่าพอใจใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม แม้ต้องเผชิญการแข่งขันจากผู้ผลิตจีนที่มีต้นทุนต่ำ แต่ BAFS INTECH สามารถรักษาความได้เปรียบในงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะและมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น โครงการสนามบินในกัมพูชา โดยเน้นการควบคุมต้นทุนอุปกรณ์และการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการท่อส่งน้ำมัน Link Line ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท BPT (BAFS ถือหุ้น 76%) คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2569 โดยในไตรมาส 1/2568 มีอัตราการเติบโตของปริมาณขนส่งผ่านท่อประมาณ 24% จากปีก่อนหน้า
โดยโครงการได้รับความสนใจจากผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งเริ่มทยอยใช้บริการแล้ว เนื่องจากต้นทุนการขนส่งผ่านท่อถูกกว่าทางรถ 20-25% และช่วยลดภาระการจัดการคลังในพื้นที่ห่างไกล โดยในระหว่างรอการเพิ่มทุนจากนักลงทุนที่สนใจใช้บริการ BAFS ยังคงให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไป คาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการเพิ่มทุนภายในปลายปีนี้
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย บริษัทคาดว่ารายได้ทั้งกลุ่มในปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 9% จากปีก่อน โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ยังคงมีมุมมองเชิงบวก
ในส่วนของการต่ออายุสัมปทานบริการเติมน้ำมันในสนามบินสุวรรณภูมิ กระบวนการยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังไม่มีรายละเอียดของหลักเกณฑ์หรือการเปิดให้เข้าร่วมประมูล