“ทรีนีตี้” แนะกลยุทธ์ “ขึ้นขาย-ลงซื้อ” ชู 5 กลุ่มเด่น มิ.ย.นี้

“บล.ทรีนีตี้” คาดตลาดหุ้นไทยเดือนมิ.ย. มีโอกาสฟื้นตัวช่วงต้นเดือน ก่อนเจอแรงกดดันจากปัจจัยการเมือง-เทคนิค แนะจับตาปรับน้ำหนักหุ้น DELTA และความเคลื่อนไหวเงินทุนกอง Thai ESGX


นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายนนี้มีแนวโน้มรีบาวด์ขึ้นได้ในช่วงครึ่งเดือนแรก เนื่องจากผ่านพ้นช่วงการปรับพอร์ตตามดัชนี MSCI ของนักลงทุนต่างชาติแล้ว และไม่มีปัจจัยลบด้านสงครามการค้าที่เด่นชัด อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือนเป็นต้นไป นักลงทุนอาจต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นจากความผันผวนทางการเมืองภายในประเทศ และแรงกดดันทางเทคนิคจากการปรับน้ำหนักหุ้น DELTA ในช่วงปลายเดือน เพื่อเตรียมรับเกณฑ์ดัชนี SET50/100 แบบ Capped Weight ที่จะมีผลในเดือนกรกฎาคม

บล.ทรีนีตี้ ประเมินกรอบดัชนี SET ในเดือนนี้ที่แนวรับ 1,130 และ 1,100 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,180 และ 1,210 จุด พร้อมแนะนำกลยุทธ์ “ขึ้นขาย-ลงซื้อ” ตามกรอบดังกล่าว โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่ต้องจับตาคือกระแสเงินใหม่ที่อาจไหลเข้าสู่กองทุน Thai ESGX ในช่วงปลายเดือน

สำหรับกลุ่มหุ้นเด่นประจำเดือนนี้ ได้แก่ 1) กลุ่ม Global cyclical ที่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลกต่ำ เช่น PTTGC, SCC, HANA 2) กลุ่มโรงแรมที่กระจายรายได้ไปยังต่างประเทศ เช่น MINT 3) กลุ่ม Defensive ภายในประเทศที่มี Valuation ต่ำ เช่น BDMS, CPALL, GPSC 4) หุ้นที่คาดว่าจะเข้าสู่ดัชนี SET50 ได้แก่ BCP และ TCAP และ 5) หุ้นขนาดใหญ่ที่อาจได้อานิสงส์จากการเกลี่ยน้ำหนักจาก DELTA ได้แก่ ADVANC

ขณะเดียวกัน ปัจจัยสำคัญที่ควรติดตามตลอดเดือนมิถุนายน ได้แก่:

1.ความคืบหน้าของสงครามการค้า โดยเฉพาะคำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ต่อภาษีทรัมป์ และการเจรจาภาษี Reciprocal tariff ที่จะครบกำหนดในวันที่ 9 ก.ค.

2.สถานการณ์การเมืองในประเทศ เช่น ความเป็นไปได้ของการปรับคณะรัฐมนตรี คดีฮั้ว ส.ว. และการนัดไต่สวนของศาลฎีกาฯ กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร วันที่ 13 มิ.ย. รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา

3.การประชุมของธนาคารกลางหลักทั่วโลก ได้แก่ ECB (5 มิ.ย.) คาดว่าจะลดดอกเบี้ยเหลือ 2.00%, BoJ (16-17 มิ.ย.) คาดคงดอกเบี้ย 0.50%, Fed (17-18 มิ.ย.) คาดคงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% พร้อมติดตาม Dot Plots และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ, BoE (19 มิ.ย.) คาดคงดอกเบี้ยที่ 4.25%

4.การประชุม กนง. (25 มิ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% หลังจากลดมาแล้ว 2 ครั้งติดต่อกัน โดยต้องจับตาการประเมินเศรษฐกิจรอบใหม่

5.การไหลเข้าของเงินลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX ช่วงปลายเดือน

6.การปรับลดน้ำหนักหุ้น DELTA ของกองทุน Passive/Index Funds ซึ่งอาจกดดันดัชนี SET ในช่วงครึ่งหลังของเดือน

Back to top button