
KC แจง “ตลท.” ปมขาดรายได้ธุรกิจหลัก-เปิดพื้นที่เช่าล่าช้า
KC ชี้แจง “ตลท.” หลังไร้รายได้จากธุรกิจหลัก-พื้นที่เช่าเปิดบริการไม่ได้แม้เสร็จแล้ว เหตุยังไม่มีใบอนุญาตใช้อาคาร
บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC เปิดเผยว่า ตามที่ได้จัดส่งงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2568 ซึ่งผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”) โดยผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นแบบไม่มีเงื่อนไข แต่มีข้อสังเกตเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของบริษัท รวมถึงประเด็นคดีความสำคัญ ข้อมูลที่ปรากฏในงบการเงินชี้ว่า บริษัทไม่มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เหลือเพียงรายได้อื่น 8 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการขยายสัญญาเช่าที่ดินและอาคาร และยังมีผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง
แม้บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน (Backlog) 4 โครงการ มูลค่ารวม 257 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 และได้ร่วมลงทุนโครงการบ้านจัดสรรอีก 1 โครงการ จำนวน 163 ยูนิต แต่ยังไม่มีรายได้หลักเกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการขยายสัญญาเช่าที่ดินและอาคาร “ชวมิตร” เป็นระยะเวลา 25 ปี โดยเพิ่มมูลค่าเช่ารวมเป็น 147 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการพื้นที่เช่าได้ แม้ปรับปรุงอาคารแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 เนื่องจากยังไม่ได้รับใบอนุญาตใช้อาคาร (แบบ อ.5)
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมภายในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยเฉพาะสาเหตุที่ไม่มีรายได้จากธุรกิจหลัก แผนดำเนินงานระยะสั้น รวมถึงการบันทึกภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแม้ไม่มียอดขายในไตรมาสดังกล่าว
โดยบริษัทขอชี้แจงว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและนโยบายรัฐล่าช้า ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัวและการปล่อยสินเชื่อถูกจำกัด ส่งผลให้ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นต้นไป
สำหรับรายได้จากการโอนที่ดินในไตรมาส 1 ปี 2568 เกิดจากการขายที่ดินรอการพัฒนา 1 แปลง มูลค่า 99 ล้านบาท ซึ่งมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 โดยรับรู้รายได้และภาษีที่เกี่ยวข้องในไตรมาสนี้ ซึ่งบริษัทขาดทุนจากการขายที่ดินจำนวน 9.86 ล้านบาท และได้บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าไว้ในงบการเงินปี 2567 แล้ว
ในส่วนของโครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างพัฒนาร่วมกับพันธมิตรนั้น บริษัทระบุว่าการก่อสร้างเป็นไปตามแผน คาดว่าจะสามารถเริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2568
สำหรับกรณีพื้นที่เช่าชวมิตรที่ยังไม่สามารถเปิดบริการได้ บริษัทได้ดำเนินการยื่นแบบการดัดแปลงอาคารตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 และได้รับหนังสือยืนยันจากสำนักการโยธา กทม. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่าไม่มีสิ่งใดขัดต่อกฎหมาย คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ บริษัทดำเนินการหาผู้เช่าต่อเนื่อง และเพื่อรักษาสิทธิและความเสียหายจากความล่าช้า จึงได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงขยายระยะเวลาเช่าเป็น 15 ปี พร้อมเงื่อนไขคุ้มครองความเสียหายไม่เกิน 300 ล้านบาท หากไม่สามารถต่ออายุในรอบถัดไปได้