CGSI คาด SET ซึมตัวกรอบ 1,130–1,150 จุด แนะจับตาการเมือง-เศรษฐกิจในประเทศ

CGSI ชี้ SET ยังเคลื่อนไหวจำกัดในกรอบ 1,130–1,150 จุด จากความไม่แน่นอนการเมือง-เศรษฐกิจในประเทศ พร้อมแนะหุ้นเด่นรับดอกเบี้ยขาลง


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ประเมินว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบซึมตัวในกรอบจำกัดที่ระดับ 1,130–1,150 จุด แม้จะได้รับแรงหนุนจากบรรยากาศการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่สอง

โดยมีสัญญาณเชิงบวกจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีพาณิชย์จีน นายหวัง เหวินเถา รวมถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก และแนวโน้มดอกเบี้ยในทิศทางขาลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันตลาด เนื่องจากยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนของทิศทางการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแรง

นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่มีความคืบหน้า หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาใช้งบประมาณ 157,000 ล้านบาทจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 11 มิถุนายน ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อความล่าช้าในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ CGSI แนะนำให้นักลงทุนติดตามประเด็นสำคัญ ได้แก่ การปรับคณะรัฐมนตรีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ รวมถึงความเคลื่อนไหวในคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะมติของแพทยสภาในวันที่ 12 มิถุนายน และการไต่สวนของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิถุนายนนี้

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกซื้อแบบ Trading Buy ในหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น PR9, หุ้นพื้นฐานแกร่งอย่าง GULF, หุ้นปันผลสูงอย่าง SCB และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง เช่น MTC รวมถึงหุ้นส่งออกอย่าง CPF และ ITC รวมถึงกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น AMATA และ WHA ที่มีแนวโน้มได้อานิสงส์จากการเจรจาการค้าที่คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ปรับขึ้นแรงเมื่อวานนี้ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ชัดเจนเข้ามาหนุนตลาด

สำหรับประเด็นสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายได้เดือนพฤษภาคมของบริษัท Delta Electronics ในไต้หวัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 41,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (เติบโต 17% จากปีก่อน และ 1% จากเดือนก่อนหน้า) สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของยอดขายที่เริ่มชะลอตัวในไตรมาส 2/2568 โดย CGSI คาดว่า DELTA Thailand จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ประมาณ 5,330 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากยอดขายรวมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 44,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน และ 4% จากไตรมาสก่อน

หุ้นแนะนำรายตัว ได้แก่

SCB: SCB ยังคงครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย แม้จะมีการเพิ่มขึ้นของ NPL แต่ธนาคารมีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและสำรองหนี้สูญไว้อย่างเหมาะสม
ราคาที่แนะนำขายทำกำไร: 122.0 บาท / จุดตัดขาดทุน: 119.5 บาท

GULF: GULF มีจุดเด่นจากกำไรที่เติบโตสม่ำเสมอ งบดุลแข็งแกร่ง มีสถานะผู้นำในธุรกิจสาธารณูปโภคและ LNG ขณะเดียวกันยังมีโอกาสเติบโตต่อจากธุรกิจใหม่
ราคาที่แนะนำขายทำกำไร: 44.25 บาท / จุดตัดขาดทุน: 43.25 บาท

Back to top button