CGSI มอง SET สัปดาห์นี้ “ผันผวน” เซ่นสงครามตะวันออกกลาง ชูลงทุน AOT-KTB

CGSI มอง SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวผันผวนบริเวณ 1,100-1,140 จุด เผชิญความไม่แน่นอนสงครามอิสราเอล-อิหร่าน โดยแนะนำลงทุน AOT ชี้ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยกดดันแล้ว และ KTB มองจ่ายปันผลเด่น ฐานทุนแกร่ง


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มิ.ย.68) คาดการณ์ว่า SET Index สัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนบริเวณ 1,100-1,140 จุด ในลักษณะ SidewaySideway down แม้ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้ง อิสราเอลอิหร่าน จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและพยุงตลาดไว้ได้บางส่วน

อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดดังกล่าวท่ามกลางความไม่แน่นอนการค้าโลกกลับกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก (DJIA -1.8%, STOXX600 -0.9%, FTSE100 -0.4%) ซึ่งอาจส่งผลให้เงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาลแทน

ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศยังเผชิญแรงกดดันจากประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศที่ส่งผลให้ต่อความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะ 1.) สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้การประชุม JBC ระหว่างสองฝ่ายเมื่อ 14-15 มิ.ย. จะเสร็จสิ้นพร้อมมีการลงนามบันทึกการประชุมแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

2.) ความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับครม. ที่ต้องจับตา เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าโครงการสำคัญของรัฐ ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยอ่อนตัว โดยเฉพาะหลังโครงการดิจิทัลวอลเล็ตถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดและยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่มาทดแทน

ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าแม้จะมีแรงกดดันด้านลบทั้งจากปัจจัยในและนอกประเทศ แต่เรามองว่าดัชนี SET มีโอกาสย่อตัวลงมาไม่ลึกมากและยังสามารถยืนเหนือ 1,100 จุดได้ เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดได้ปรับฐานลงมาค่อนข้างมากพอสมควรแล้ว ประกอบกับ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ที่เริ่มมีแรงรีบาวด์

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำคือ 1.) หุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบโลกที่พุ่งขึ้นและสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ยังมีแนวโน้มขยายเป็นวงกว้าง ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวอย่างสายการบิน อาจถูกดดันจากต้นทุนพลังงานเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น

2.) หุ้นกลุ่ม Defensive และ High Yield Play

3.) หุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อาทิ หุ้นกลุ่มเดินเรือ หลังความเสี่ยงต่อเส้นทางเดินเรือโลกอย่างช่องแคบเฮอร์มุซ อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น หรือ หุ้นกลุ่มยางธรรมชาติ ที่ได้รับประโยชน์จากการที่ต้นทุนวัตถุดิบยางสังเคราะห์อย่างปิโตรเลียมสูงขึ้น รวมถึงเป็นการเก็งกำไรสินค้า Commodity

อีกทั้งสัปดาห์นี้ จับตาการประชุมของธนาคารกลางทั้ง BOJ (17 มิ.ย.) และ FED – BOE (19 มิ.ย.) โดยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC และคาดการณ์ Dot Plot ใหม่ของ Fed เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ระยะถัดไป โดยอ้างอิงจาก CME FedWatch ตลาดให้น้ำหนักว่า Fed จะยังมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ก่อนที่จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน (20 มิ.ย.) รวมถึงรายงานตัวเลขข้อมูลเงินเฟ้ออังกฤษและยูโรโซน (18 มิ.ย.) และดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (20 มิ.ย.)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ คือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ฝ่ายนักวิเคราะห์เชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะสะท้อนประเด็นลบไปพอสมควรแล้ว และ AOT ได้ชี้แจงว่าผลกระทบต่อรายได้จากสัมปทานอยู่ที่ราว 2.2-2.5 พันลบ. ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 4 พันลบ.

(Take profit : 31.75 / Stop loss : 28.75)

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เป็นธนาคารที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่อาศัยในไตรมาส 1/68 โดยธนาคารเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินเชื่อบ้านแลกเงินในไตรมาส 1/68 ซึ่งผู้บริหารธนาคารฯเชื่อว่าจะช่วยให้สินเชื่อกลุ่มนี้ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ KTB เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มธนาคารของเราเพราะน่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงรวมทั้งมีคุณภาพสินทรัพย์ดีและงบดุลแข็งแกร่ง

(Take profit : 22.7 / Stop loss : 21.7)

Back to top button