
หุ้นอิเล็กร่วงยกแผง! สหรัฐฯ เก็บภาษีไทย 36% กระทบ DELTA–HANA–KCE หนัก
หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไทยร่วงถ้วนหน้า หลังสหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้า 36% เริ่ม 1 ส.ค. กระทบหนักหุ้นส่งออกนำโดย DELTA–HANA–KCE ขณะนักลงทุนกังวลไทยเสียเปรียบคู่แข่งมาเลเซีย–ไต้หวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.ค. 68) ราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์กอดคอร่วงกันทั่วหน้าหลังจากสหรัฐอเมริกาได้ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในอัตรา 36% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกของไทยในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้จากตลาดสหรัฐฯ ในระดับสูง อย่างกลุ่มอิเล็กฯ ณ เวลา 11:11 น. นำโดย
บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 107.50 บาท ลบ 3.00 บาท หรือ 2.71% สูงสุดที่ระดับ 109.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 107.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 297.73 ล้านบาท
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 19.60 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 2.97% สูงสุดที่ระดับ 19.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101.18 ล้านบาท
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 20.50 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 2.38% สูงสุดที่ระดับ 20.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 142.77 ล้านบาท
บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.90บาท ลบ 0.15 บาท หรือ 2.48% สูงสุดที่ระดับ 5.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78.71 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในอัตรา 36% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกของไทยในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้จากตลาดสหรัฐฯ ในระดับสูง
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วย DELTA มีสัดส่วน 30% ของรายได้รวมจากสหรัฐฯ, HANA มีสัดส่วน 26% ของรายได้รวมจากสหรัฐ และ KCE มีสัดส่วน 21% ของรายได้รวมจากสหรัฐ ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเดียวกันคือ 36% อย่างไรก็ตาม ความกังวลเพิ่มเติมอยู่ที่ประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างมาเลเซีย ซึ่งถูกเรียกเก็บภาษีเพียง 25% ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบในด้านการแข่งขันโดยเฉพาะในกลุ่ม Semiconductor ขณะที่ไต้หวัน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราภาษี ถูกเรียกเก็บในรอบแรกที่ 32% ซึ่งยังคงต่ำกว่าไทย