รมว.วัฒนธรรม เปิดเวที “SPLASH – Soft Power Forum 2025” เสริมทักษะ-สร้างเครือข่ายธุรกิจ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รมว.วัฒนธรรม เปิดงาน SPLASH - Soft Power Forum 2025 ที่ศูนย์สิริกิติ์ เน้นขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ เสริมทักษะ-สร้างเครือข่ายธุรกิจ ขยายโอกาสสู่เวทีโลกให้คนไทย


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน SPLASH – Soft Power Forum 2025 โดยมี คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน คณะทูตานุทูตประจำประเทศไทย และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ เข้าร่วมงาน ณ เวที Visionary Stage Hall 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ภายในงานแบ่งเป็น 6 โซนไฮไลต์บอกเล่าเรื่องราวเป้าหมายการทำงานของ THACCA รวมทั้งพื้นที่สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และเวิร์กช็อปสร้างทักษะใหม่ให้กับเยาวชน ผู้ประกอบการ เพื่อหวังจุดประกายสร้างโอกาสให้คนไทยและขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ระดับสากล

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ทุกวันนี้เราทุกคนกำลังอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อน มากกว่าทุกยุคที่ผ่านมา เรากำลังเผชิญโลกที่เปราะบาง น่าวิตกกังวล เข้าใจยาก และไม่ตรงไปตรงมา เชื่อว่าในโลกยุคใหม่การเข้าใจบริบทของความเปลี่ยนแปลง คือจุดเริ่มต้นของทุกการเดินหน้า สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่แค่ความรู้หรือแผนงาน แต่คือความยืดหยุ่น ความเข้าใจมนุษย์ และความกล้า ที่จะเปลี่ยนความเปราะบางให้กลายเป็นพลังในการออกแบบอนาคตใหม่

สิ่งที่เราเคยฝากความหวังไว้ เช่น การเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ “ครัวของโลก” ที่เน้นส่งออกพืชผลและวัตถุดิบทางการเกษตร มาถึงวันนี้ ความหวังดังกล่าวกำลังเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น ทั้งจากสงครามการค้า เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไว ความผันผวนของตลาดโลก และความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม

ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกแห่งอนาคต รัฐบาลไทยกำลังลงทุนในโครงสร้างใหม่ ๆ เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล และการเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค ซึ่งล้วนเป็นรากฐานของเศรษฐกิจอนาคต ที่ใช้เวลาและการลงทุนมหาศาล และอีกหนึ่งเส้นทางสำคัญที่เราให้ความสำคัญ คือ “วัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่สร้าง Soft Power” วันนี้ผู้คนทั่วโลกไม่ได้ซื้อแค่สินค้าและบริการ แต่ซื้อประสบการณ์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และรากของภูมิปัญญา ตลาดโลกกำลังเปิดรับ Soft Power ที่มีรากจากท้องถิ่น และมีคุณค่าแบบสากล สะท้อนความยั่งยืน โอบรับความหลากหลาย มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นของจริงเท่านั้น โดยเชื่อว่าวัฒนธรรมไทยของเรามีครบถ้วนทุกองค์ประกอบที่จะทำให้ต่างชาติหลงรัก

ทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความภาคภูมิใจทางวัฒนธรรม แต่กำลังกลายเป็นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ เป็นโอกาสใหม่กับพี่น้องคนไทย ที่สร้างรายได้มหาศาลจากความเป็นตัวของเราเอง ในปีที่ผ่านมา นโยบาย Soft Power ของไทยได้เดินหน้าอย่างมีทิศทางและเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในสองด้านสำคัญ

1) การบูรณาการทุกภาคส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมให้มีเป้าหมายเดียวกัน ให้หลายหน่วยงานสามารถทำงานร่วมกันได้ มีการบูรณาการงบประมาณเพื่อใช้ตรงจุด ไม่ซ้ำซ้อน และกำหนดบทบาทของแต่ละฝ่ายชัดเจนมากขึ้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราทำสำเร็จ

2) การเปลี่ยนบทบาทของภาครัฐให้เป็น “ผู้สนับสนุน” เปิดทางให้เอกชนที่เข้าใจอุตสาหกรรมของตัวเอง ได้เป็นผู้นำในการขับเคลื่อน วันนี้เอกชนนำ รัฐสนับสนุน เป็นแนวคิดสำคัญที่ทำให้นโยบาย Soft Power ของเราเดินหน้า เมื่อรากฐานเริ่มมั่นคง ขั้นต่อไปของเราคือการ “ยกระดับ” จากจุดเริ่มต้นที่เน้นภายในประเทศ สู่การมองให้ไกลขึ้น กว้างขึ้น และเชื่อมกับโลกให้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายใหญ่ดังนี้

1.”อาหารไทย” จุดแข็งที่ทั้งโลกหลงรัก เราไม่ได้แค่จะขายรสชาติ แต่จะขายประสบการณ์ของความเป็นไทย เราจะยกระดับอาหารไทยให้เป็นแบรนด์ระดับโลกและเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง ด้วยโมเดลร้าน “Thai Cuisina” ซึ่งจะครอบคลุมถึงขั้นตอนสุดท้ายหรือ Last mile ของ supply chain อาหารไทย คือ เราจะรวมร้านอาหารไทย 4 ภาค และซุปเปอร์มาร์เก็ตขายผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปที่มีคุณภาพไว้ในที่เดียวกัน รวมทั้งยังจะเป็นศูนย์ค้าส่งกระจายผลิตภัณฑ์อาหารไทยในต่างประเทศอีกด้วย เราวางแผนว่าจะให้มีร้าน  Thai Cuisina ไปอยู่ตามเมืองใหญ่ทั่วโลก

พร้อมกันนี้ จะต้องยกระดับการท่องเที่ยวในการต้อนรับนักเดินทางสายกิน ด้วยประสบการณ์แบบ Thai Culinary Tourism อย่างจริงจังทั้งคลาสเรียนทำอาหาร ทัวร์แหล่งวัตถุดิบท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการสร้างมาตรฐาน “Thai Select” ให้สามารถเทียบเคียงได้กับ รางวัลทางอาหารอื่นๆ เช่น Michelin Star โดยจะการันตี รสชาติอาหารที่เป็นไทย และใช้วัตถุดิบไทย

2.”มวยไทย” จะไม่ใช่แค่กีฬาอีกต่อไป แต่มวยไทยจะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ของชาวโลก เราจะสร้าง Muay Thai Bootcamp ให้เป็นเทรนด์ใหม่ที่ใครก็อยากทำที่ได้ทั้งความฟิตสุขภาพดี และได้ Detox พบกับความสงบ ออกมาจากโลกที่วุ่นวาย รวมทั้งพัฒนาลีกอาชีพให้แข็งแรง มีการแข่งขันที่มีคุณภาพ ดูสนุก และยกระดับมาตรฐานมวยไทยในทุกมิติ

3.”Thai Wellness” คือโอกาสใหม่ในยุคที่คนทั่วโลกแสวงหาความสมดุล เราจะผสานนวดไทย สมุนไพร อาหารสุขภาพ และสมาธิ ให้กลายเป็นประสบการณ์แบบองค์รวม สร้าง Thai Retreat Chain ให้ครบทุกมิติมีทุกอย่าง ตั้งแต่การบำบัดร่างกายจนถึงการพักใจ สร้างมาตรฐาน Spa และ Therapist แบบไทย พร้อมผลักดันยกระดับสมุนไพรไทยและนวดไทยที่รองรับด้วยการวิจัยทางการแพทย์ พร้อมสำหรับการทำเป็นสินค้าส่งออกและส่งเสริมร้านนวดไทยเพื่อสุขภาพแบบมืออาชีพไปทั่วโลก

4.”ภาพยนตร์ไทย” คือเวทีที่เราจะเล่าเรื่องของเราให้โลกฟัง เราจะสนับสนุนคนทำหนังไทยให้กล้าฝันและกล้าสร้าง ผ่านพื้นที่ทดลองอย่าง writer’s room และ creative lab ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อสร้างหนังไทยที่มีเอกลักษณ์ ให้ต่างชาติเข้าใจความบันเทิงแบบไทย

โดยจะสนับสนุนภาพยนตร์ไทยด้วยสิทธิประโยชน์คืนเงิน หรือ Cash Rebate เช่นเดียวกับที่เราให้กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ พร้อมดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศผ่านกองทุน co-production และจะจัดงาน “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ Bangkok International Film Festival” ให้เป็นเทศกาลภาพยนตร์สำคัญของโลก เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านภาพยนตร์และสร้างตลาดการซื้อขายภาพยนตร์นานาชาติที่กรุงเทพฯ

5.“อัญมณี” เป็นอุตสาหกรรมส่งออกอันดับต้นๆ ของเรา ซึ่งเกิดจากทักษะสร้างสรรค์ของคนไทย เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยมียอดส่งออกอัญมณีประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วเราส่งออกอัญมณีไปกว่า 500,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 เท่า และเพียง 5 เดือนแรกของปีนี้ส่งออกไปแล้ว 380,000 ล้านบาท มีคนในอุตสาหกรรมนี้ถึง 1 ล้านคน

ดังนั้น เราจะฝึกอบรมนักออกแบบ ช่างเจียรนัยเพชร ช่างทอง ช่างเงิน จำนวนมาก และยกระดับจากช่างให้เป็นศิลปิน มีค่าตอบแทนสูง และเราจะใช้มาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ เพื่อเพิ่มมูลค่าส่งออกอัญมณีให้ถึง 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี

นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่เรามองเห็นโอกาส ยังมีอีกหลายเรื่องหลายด้านที่เราพร้อมจะให้ทุกท่านมาเรียนรู้ในงาน ปีนี้เป็น ปีที่ 2 ของ Splash Soft Power Forum งานนี้ไม่ใช่แค่เวทีจัดแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรม Soft Power ไทย แต่คือพื้นที่แห่งความหวัง ความร่วมมือ และความสร้างสรรค์ร่วมกันของคนไทย

เรามีหน่วยงานภาครัฐ ศิลปิน นักออกแบบ นักเล่าเรื่อง เชฟ นักแสดง นักกีฬา นักเขียน ช่างฝีมือ ผู้ประกอบการ ที่ร่วมกันทำให้งานนี้เกิดขึ้น เราจะได้มองเห็นอนาคตของอุตสาหกรรม Soft Power ไทยในหลายรูปแบบ ได้แลกเปลี่ยนกับนักสร้างสรรค์จากทั่วโลก ได้ร่วมฟังวิสัยทัศน์จากผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งจะจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ที่เปลี่ยนอนาคตของประเทศไทยไปตลอดกาล” นางสาวแพทองธารกล่าวปิดท้าย

ขณะที่ นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ เราทุกคนต่างอยู่ท่ามกลางโลกที่ผันผวนเกินกว่าจะคาดเดาได้ อะไรหลายอย่างที่เคยมั่นคง กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างความกังวล ความไม่แน่ใจ และความกระวนกระวายใจให้กับผู้คนทุกหัวระแหง เรื่องราวมากมายไม่ตรงไปตรงมาอีกต่อไป ทำให้เราทำนายอนาคตไม่ได้เหมือนเดิม เกมที่โลกบังคับให้เราเล่น ไม่ใช่เกมที่เราเคยชำนาญ ไม่ใช่เกมที่เราเคยเอาชนะได้ในอดีต สิ่งที่เราเคยถนัดกลับใช้ไม่ได้กับกติกาใหม่ของโลกใบนี้อีกแล้ว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เพราะเหตุนี้เอง ที่สิ่งซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้ริเริ่มไว้เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว เรื่อง Soft Power จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จับต้องได้ เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่เปล่งประกายในความมืดมนของความไม่แน่นอน และวันนี้ “วัฒนธรรมสร้างสรรค์” ที่หยั่งรากลึกจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ผนวกกับทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของพวกเราทุกคน ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แผ่กิ่งก้านได้กว้างไกล ด้วยพลังร่วมมือกันของภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน งาน SPLASH ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคมนี้ จึงไม่ใช่แค่งานอีเวนต์ธรรมดา แต่มันคือภาพจริงที่พิสูจน์ว่า ต้นกล้าวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของไทย งดงาม แข็งแรง และกำลังเติบใหญ่ขึ้นทุกวัน

“ประเทศไทยของเรา จะฝ่าทุกอุปสรรค ด้วยวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ และด้วยทักษะสร้างสรรค์ของคนไทยทุกคน และเราจะร่วมกันทำให้ กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของ Soft Power ของโลกอย่างแท้จริง” นายสุรพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ ภายในงานมีโซนกิจกรรมสำคัญ อาทิ เวทีเสวนานานาชาติ การแสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำระดับโลก

โดยได้รับเกียรติจาก นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์หัวข้อ ”Crafting the Future : From OTOP to ThaiWORKS and beyond” ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.30 – 14.20 น. และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์หัวข้อ “Rethinking Thai Sports in Disruptive Era” ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.45 – 13.45 น.

นอกจากนี้พบกับผู้นำทางความคิดจากหลากหลายวงการที่จะมาต่อยอดสร้างแรงบันดาลใจตลอด 4 วันเต็ม รวมทั้งนิทรรศการจาก 14 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ นำเสนอศักยภาพของอุตสาหกรรมในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ พร้อมการโชว์เคสผลงานจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และเวิร์กช็อปอบรมพิเศษเพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ด้านซอฟต์พาวเวอร์ ให้แก่เยาวชน ผู้ประกอบการ และชุมชน

งาน SPLASH – Soft Power Forum 2025 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 11 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) Hall 1-4 ชั้น G และ L2 ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้ฟรีตลอดทั้ง 4 วัน ติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook และ Instagram SPLASH Soft Power Forum

Back to top button