AEONTS ต้นทุน-ECL ลด ดันกำไรไตรมาส 1 โต 47% แตะ 771 ล้านบาท

AEONTS โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปีบัญชี 2568 มีกำไรสุทธิ 772 ล้านบาท โต 47.1% หลังเดินหน้าขยายรายได้ค่าธรรมเนียม-เช่าซื้อ พร้อมคุมค่าใช้จ่าย ผลขาดทุนด้านเครดิตลดลงต่อเนื่อง 5 ไตรมาสติด


บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปีบัญชี 2568 (1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568) มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 772 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้น 3.09 บาท เพิ่มขึ้น 47.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรสุทธิดังกล่าวประกอบด้วยกำไรจากบริษัทย่อยทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 67.5 ล้านบาท คิดเป็น 8.8% ของงบการเงินรวม

โดยในไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้รวม 5,393 ล้านบาท ลดลง 2.1% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลลดลงตามภาวะเศรษฐกิจและมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยรายได้จากบัตรเครดิตอยู่ที่ 1,706 ล้านบาท ลดลง 10.2% คิดเป็นสัดส่วน 31.6% ของรายได้รวม ขณะที่รายได้จากสินเชื่อเงินกู้ลดลง 3.6% มาอยู่ที่ 2,385 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 44.2% ของรายได้รวม

อย่างไรก็ดี รายได้จากสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตแข็งแกร่ง 31.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 371 ล้านบาท คิดเป็น 6.9% ของรายได้รวม สะท้อนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรถยนต์มือสอง การขยายช่องทางชำระเงินและความร่วมมือกับเต็นท์รถ

ขณะที่รายได้อื่นอยู่ที่ 931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากปีก่อน แบ่งเป็นรายได้หนี้สูญรับคืน 567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% จากประสิทธิภาพการเร่งรัดหนี้ การไกล่เกลี่ยหนี้กับกรมบังคับคดี และรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย 184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2%

ด้านต้นทุนการดำเนินงานและบริหารอยู่ที่ 2,073 ล้านบาท ลดลง 5.2% จากปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายการตลาดและบริหารจัดการ ทำให้ Cost-to-Income Ratio ลดลงเหลือ 38.4% ในงบรวม

ขณะเดียวกัน บริษัทมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) จำนวน 1,766 ล้านบาท ลดลง 15.4% และลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 สะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น รวมถึงการร่วมโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ Persistent Debt และโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ของธนาคารแห่งประเทศไทย

ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 537 ล้านบาท ลดลง 3.9% จากปีก่อน แม้ต้นทุนเฉลี่ยไตรมาส 1 อยู่ที่ 3.15% สูงขึ้นเล็กน้อยจาก 3.07% ในปีบัญชีก่อนหน้า จากการโรลโอเวอร์เงินกู้บางส่วนที่ต้นทุนสูง

บริษัทฯ ยังคงมุ่งขยายฐานรายได้อื่น โดยเฉพาะค่าธรรมเนียม และเตรียมขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นกลุ่มลูกค้าคุณภาพดี อาทิ ข้าราชการ พนักงานประจำ และลูกค้าที่มีประวัติชำระหนี้ดี พร้อมติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อรองรับการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลัง

Back to top button