บล.กรุงศรี มอง SET สัปดาห์นี้ “ไซด์เวย์อัพ” ชูลงทุน ADVANC-GULF-BDMS

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ (21 ก.ค – 25 ก.ค.68) ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินตลาดหุ้นไทย “Sideways-Up” พร้อมให้กรอบแนวรับที่ 1,200-1,185 จุด แนวต้าน 1,231-1,240 จุด

ทั้งนี้ มีปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET Index ที่ต้องติดตามทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ได้แก่ ระหว่างวันที่ 21 – 25 ก.ค. ติดตามการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าหลังเลื่อนวันบังคับใช้ภาษีการค้าไปเป็นช่วง 1 ส.ค.68 โดยวันที่ 23 ก.ค.นี้ จะมีการรายงานยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนมิ.ย. ตลาดคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.0 ล้านหลัง ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 4.03 ล้านหลังในเดือนก่อนหน้า

รวมทั้งวันที่ 24 ก.ค. มีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Flash PMI) ภาคการผลิต ประจำเดือนก.ค. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 52.0 จุด ลดลงจากระดับ 52.9 จุดในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี Flash PMI ภาคบริการ ประจำเดือนเดียวกัน ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ล่วงหน้า โดยตัวเลขครั้งก่อนอยู่ที่ระดับ 52.9 จุด รวมถึงการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนมิ.ย. คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 650,000 หลัง จากระดับ 623,000 หลังในเดือนพ.ค.

ส่วนวันที่ 25 ก.ค. จะมีการเปิดเผยยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือน มิ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขจะหดตัวลง 10.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังจากที่ในเดือนพ.ค. มีการขยายตัวแข็งแกร่งถึง 16.4% เมื่อเทียบรายเดือนนอกจากนี้ แนะนำติดตามการประชุมธนาคารยุโรป (ECB) วันที่ 24 ก.ค. คาดการณ์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.0%

ทางฝั่ง ประเทศจีน แนะนำติดตามการประชุม Politburo ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ตามที่ตลาดเก็งล่วงหน้า อาทิ ภาคอสังหาริมทรัพย์ และวันที่ 25 ก.ค. มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของกรุงโตเกียว ญี่ปุ่นประจำเดือนก.ค. ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 3.1% ในเดือนก่อนหน้า

จากปัจจัยต่างๆ ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้มีกลยุทธ์การลงทุนหลังประเมินดัชนีเคลื่อนไหว “Sideways-Up” คาดการณ์ช่วยสนับสนุนพัฒนาการทางบวกความเสี่ยงต่างๆ นำโดย 1.) ความชัดเจนภาษีการค้าที่มีสัญญาณบวกข้อเสนอล่าสุดของไทยเป็นที่น่าพอใจของสหรัฐฯ มากขึ้น หากได้อัตราน้อยกว่า 25% ภาษีการค้าที่คิดตามวิธี Effective Tariff Rate (ภาษี นำเข้าถ่วงน้ำหนักสินค้าสหรัฐฯนำเข้าจากแต่ละประเทศ) ไทยจะได้เปรียบชาติในอาเซียน

นอกจากนี้ ตลาดให้น้ำหนักภาพการแต่งตั้งผู้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ที่ผ่านช่วงรอยต่อสนับสนุนความคาดหวังการลดดอกเบี้ย โดยมองหุ้นกลุ่มอิงดอกเบี้ยขาลง อาทิ (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ High Yield หนี้สูง), หุ้น Domestic อิงภาคบริการและหุ้น Reopening Trade เน้น Deep Value (China Plays, นิคมอุตสาหกรรม)

โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มีหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC คาดการณ์ได้รับปัจจัยหนุนจากดอกเบี้ยขาลง พร้อมกับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงใกล้เปิดซีซั่นส์บอลอังกฤษ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 350 บาทช

บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ฝ่ายนักวิเคราะห์มุมมองดอกเบี้ยขาลง เช่นเดียวกัน พร้อมกับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจครั้งใหม่โครงการไฟฟ้าสีเขียว แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56.5 บาท

รวมถึง บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS คาดการณ์เข้าสู่ฤดูกาลที่ทั้งคนไข้ตะวันออกกลางเพิ่มจำนวนถึงจุดสูงสุดจากปลายฝนต้นหนาวไทย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท