
MOSHI เด้ง 2% หลัง 3 โบรกเชียร์ “ซื้อ” รับยอดขายเครื่องเขียน-ของเล่นโต ดันมาร์จิ้นสูง
MOSHI ราคาเด้ง 2% โดย 3 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ให้กรอบราคาเป้าหมาย 54-60 บาท คาดไตรมาส 2/68 กำไรอยู่ที่ 123-126 ล้านบาท เติบโต 51-55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับยอดขายเครื่องเขียน-ของเล่นโต ดันมาร์จิ้นสูง พร้อมตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 40 สาขา คาดงบปีนี้ทำนิวไฮต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 21 ก.ค. 68 ราคาหุ้นของ บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ณ เวลา 11:16 น. อยู่ที่ระดับ 40.00 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.91% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 40.00 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 39.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.51 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น MOSHI ปรับตัวขึ้น คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ของบริษัทจะออกมาดี โดยทางบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MOSHI กำหนดราคาเป้าหมาย 60 บาทต่อหุ้น เนื่องจากคาดว่า MOSHI จะทำกำไรเป็นสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อในปี 2568 คาดในไตรมาส 2/2568 จะมีกำไร 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่คาดรายได้ในไตรมาส 2/2568 จะเพิ่มขึ้น 27.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของสาขาจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 150 เป็น 181 สาขา โดยในไตรมาส 2/2568 ได้เปิดสาขาใหม่ทั้งหมด 11 สาขา ซึ่ง 1 ในนั้นเป็น Big Size Standalone รวมถึงการออกสินค้าใหม่ ๆ ผลักดันให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2/2568 เติบโต 15%
สำหรับสินค้าที่ผลักดันยอดขายให้เติบโตจะเป็นสินค้าพวก Home Furnishing, เครื่องเขียน, กระเป๋าและของเล่น ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะอยู่ที่ 54.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 53.1% จากสัดส่วนยอดขาย Retail ที่สูงขึ้น
ในส่วนปัญหา Supply Shortage (อุปทานขาดแคลน) และผลขาดทุนจากการร่วมทุน (JV) ในปีที่แล้ว และสัดส่วนสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นจาก 55% ในปีที่แล้ว เป็น 61% แต่อัตรากำไรขั้นต้น ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 55.3% มาจากการเปลี่ยนแปลงของ Product Mix จากปัจจัยฤดูกาลที่ในไตรมาส 2/2568 จะเน้นสินค้ากลุ่มฤดูร้อน เช่น ปืนฉีดน้ำ และเครื่องเขียนช่วง Back to School ซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำ
นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า MOSHI จะทำกำไรเป็นสถิติสูงสุดใหม่ต่อในปีนี้ที่ 582 ล้านบาท เติบโต 12% จากคาดการณ์รายได้เติบโต 16% (จากสมมติฐาน SSSG ที่ 3% และการเปิดสาขาใหม่ 40 สาขา) และอัตรากำไรขั้นต้น จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าที่มีมาร์จิ้นสูงจาก 60% ในปี 2567 เป็น 63% ในปี 2568 (ไตรมาส 1/2568 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 65% ขณะที่ไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 61%)
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MOSHI ให้ราคาเป้าหมาย 58 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/ER ที่ 27 เท่า จากการขยายสาขาที่มีความมั่นใจขยายร้านค้าปลีกได้อย่างน้อย 40 สาขา, กำไรขั้นต้น (Margin) ที่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นได้จากการขยายสาขาของ Retail และ SSSG ที่เติบโตดีต่อเนื่องจากสินค้าใหม่
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานต่ำ และการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Organic SSSG) ที่ขยายตัวเด่น ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้ที่ 656 ล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตามในปี 2569 จะมีกำไรสุทธิที่ 723 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน จากกำไรในช่วงที่เหลือของปีที่จะขยายตัวดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการพัฒนาสินค้าใหม่และขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แม้กลุ่มค้าปลีกจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทำให้คาดการณ์ขยายตัวของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ต่อเนื่องในปี 2568 จากสัดส่วนนำเข้าของทั้งค้าปลีกและค้าส่งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ราว 61%
ทางด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น MOSHI ให้เป้าหมายราคา 54 บาทต่อหุ้น โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นแรงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลได้จากฐานปีก่อนต่ำที่มีผลกระทบจากสินค้าขาดช่วง และคาดในไตรมาส 2/2568 จะมีรายได้ที่ 821 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้งคาด SSSG จะเพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหากไม่รวมผลกระทบสินค้าขาดปีก่อนยังเติบโตราว 7-8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยอดขายค้าปลีกเติบโตสูง ส่วนค้าส่งติดลบเล็กน้อยจากสาขาท่องเที่ยว ภาพรวม SSSG สนับสนุนจากทั้งการปรับ Display ดึงจุดเด่นสินค้า, การเพิ่มสินค้าใหม่ทั้ง New Collection โดยกลุ่มขายดี คือของเล่น, เครื่องเขียน, Home Furnishing นอกจากนี้ ยังมีผลจากสาขาใหม่ตลอดปี 31 แห่ง
ขณะเดียวกันอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2568 คาดอยู่ที่ 54.8% เพิ่ม 170 bps จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้งส่วน Retail และ Wholesale โดยการเพิ่มสัดส่วนนำเข้ามาที่ 61% จากไตรมาส 2/2567 ที่ 55% ของทั้งหมด (High margin) และยังได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ คาด SG&A/Sales คาดจะอยู่ที่ 34.3% ลดลง 160bps จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลของ Economy of scale
อย่างไรก็ดีกำไรในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 คาดคิดเป็น 46% ของกำไรปี 2568 อยู่ที่ 617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน จากสมมติฐานปัจจุบันคาดรายได้จะเพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน จาก SSSG ที่เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน และสาขาใหม่เชิงรุก 40 แห่ง ซึ่งมีสาขาใหญ่เพิ่ม โดยรวมยังเป็นบริษัทที่ทำงานเชิงรุกด้วยสินค้าตอบโจทย์และราคาเข้าถึงง่าย ปรับตัวตลอดทั้งสินค้าใหม่จาก 10,000 SKUs เป็น 12,000 SKUs, เพิ่มสินค้าทั้งออกแบบเองและลิขสิทธิ์, เพิ่มสินค้า High value (ลดสินค้ากำไรต่ำ) และปรับ Display เพิ่มอีก 50 สาขาจากปีก่อนที่ 70 สาขา