
PTG เปิด “PT GIGA EV” สถานีชาร์จ EV 100% แห่งแรก ย่านลาดพร้าววังหิน ครบเครื่องทุกบริการ
PTG เปิดสถานี “PT GIGA EV” แห่งแรกบนถนนลาดพร้าว–วังหิน ชูแนวคิดสถานีชาร์จรถ EV 100% ครบวงจร 5 ตู้ 10 หัว ติดตั้งตู้ชาร์จเร็ว 180 kW เปิดบริการ 24 ชม. พร้อมร้านกาแฟพันธุ์ไทย Subway และ Autobacs รองรับไลฟ์สไตล์ใหม่
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า แม้การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่กระแสตอบรับจากผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางของนโยบายภาครัฐ ภาคเอกชน และความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม PTG จึงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการที่เกี่ยวข้อง โดยเริ่มต้นจากการเปิดสถานีบริการรูปแบบใหม่อย่าง “PT GIGA EV” เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
สถานีบริการ “PT GIGA EV “ถูกออกแบบให้ “กะทัดรัด ใช้พื้นที่คุ้มค่า และเข้าถึงง่าย” เน้นการให้บริการอย่างครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถ EV ในทุกมิติของไลฟ์สไตล์ โดยเชื่อมโยงเข้ากับระบบสมาชิก PT Max Card และ Max Card Plus อย่างเป็นรูปธรรม ที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการต่อยอดกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ให้ขยายบทบาทจากการเป็นพื้นที่บริการ ไปสู่จุดเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า สถานีบริการ PT GIGA EV สาขาแรก จะตั้งอยู่บนถนน ลาดพร้าว–วังหิน เป็นทำเลศักยภาพที่มีการเติบโตของชุมชนเมืองสูง และมีความต้องการใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยแหล่งที่พักอาศัย อาทิ หมู่บ้านและคอนโดมิเนียม และใช้งบลงทุนราว 40 ล้านบาท ในการสร้างสถานีบริการต้นแบบที่ไม่มีสถานีบริการน้ำมัน พร้อมเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
“ PT GIGA EV” ประกอบด้วย EleX by EGAT PT 5 ตู้ชาร์จ จำนวน 10 หัวชาร์จไฟฟ้า รองรับกำลังอัดประจุสูงสุดที่ 180 kW พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์ด้วยบริการจากกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ของ PTG ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านอาหาร Subway และศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs เข้ามาไว้ภายในสถานีเพื่อสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ สำหรับการชาร์จ พักผ่อน และดูแลรถยนต์อย่างครบถ้วนในจุดเดียว สะท้อนให้เห็นกลยุทธ์การมองลูกค้าเป็นสำคัญทั้งกลุ่มลูกค้ารถยนต์สันดาป และรถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดแคมเปญส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดด้วย โปรโมชั่นสุดพิเศษ “ชาร์จไฟฟ้าเพียง 1 บาทต่อหน่วย” จากราคาปกติหน่วยละ 7.5 บาท เป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็ม ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม – 24 สิงหาคม 2568
นายพิทักษ์ กล่าวเสริมว่า PTG เปิดสถานีบริการรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% แห่งแรกบนถนนลาดพร้าววังหิน ภายใต้แบรนด์ “ELX by PT” โดยไม่มีบริการน้ำมัน เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์พลังงานสะอาดในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยโครงการนี้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัทในการวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมในวงกว้าง โดยเฉพาะในเขตเมืองและชุมชนหนาแน่น
โดยจากข้อมูลในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่มากกว่า 80,000 คัน และในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 120,000 คัน ซึ่งแนวโน้มนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ PTG เดินหน้าขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในจุดยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ โดยสถานีลาดพร้าววังหิน ถือเป็นสถานีต้นแบบที่พัฒนาในรูปแบบครบวงจร ลงทุนกว่า 40 ล้านบาท ติดตั้งตู้ชาร์จเร็วกำลังสูง 5 ตู้ (180 kW) พร้อมพื้นที่ให้บริการร้านค้าในกลุ่ม non-oil อาทิ ร้านกาแฟพันไทย ร้าน Subway และพื้นที่พักผ่อนสำหรับผู้ใช้งานรถ EV ซึ่งสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการเลือกทำเล PTG ใช้ข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในแต่ละจังหวัด รวมถึงข้อมูลด้านจราจรและความหนาแน่นของที่อยู่อาศัย โดยย่านลาดพร้าววังหินเป็นย่านที่มีการเติบโตของที่พักอาศัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งคอนโดมิเนียมและหมู่บ้าน ทำให้เป็นพื้นที่เป้าหมายที่เหมาะสมในการวางสถานีชาร์จแห่งแรกที่ไม่มีน้ำมัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้ใช้งาน และรองรับการเติบโตของผู้ใช้รถ EV อย่างเต็มที่
นายพิทักษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า “สถานีแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของไลออนโปรเจกต์ (Lion Project) ที่บริษัทพัฒนาเพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ EV โดยเรามีการเก็บข้อมูลการใช้งานจากสถานีเดิมกว่า 200 จุดทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของการชาร์จไฟเฉลี่ย 20-30% ต่อปี และหากแนวโน้มยังคงเป็นบวกในลักษณะนี้ เราจะขยายสถานีเพิ่มเติมในเขตเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และเมืองเศรษฐกิจอื่น ๆ ต่อไป
ส่วนในระยะยาว PTG ยังตั้งเป้าหมายให้ธุรกิจ non-oil กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทภายในปี 2571 โดยมีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ non-oil อยู่ที่ 50% ของรายได้รวม ทั้งนี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะมีความผันผวน แต่ธุรกิจ non-oil ของ PTG ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายมากกว่า 30% และยังสามารถรักษาการเติบโตในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้
โครงการสถานี EV ของ PTG ได้รับการสนับสนุนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเข้ามาเป็นพันธมิตรสำคัญทั้งในด้านเทคโนโลยี ความมั่นคงของพลังงาน และคุณภาพของระบบไฟฟ้า โดยสถานีแห่งนี้ใช้ระบบชาร์จที่ได้มาตรฐานระดับสูง จึงมั่นใจได้ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและความรวดเร็วในการให้บริการ
พร้อมทั้งนายพิทักษ์ ได้กล่าวเชิญชวนผู้ใช้รถ EV และผู้ที่สนใจให้มาทดลองใช้บริการที่สถานี PTG EV ลาดพร้าววังหิน ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยมั่นใจว่าจะมอบประสบการณ์ใหม่ที่เหนือกว่า ทั้งในแง่ความสะดวกสบาย ความทันสมัย และการให้บริการที่ครบครันอย่างแท้จริง
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าในภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังของประเทศจะมีแนวโน้มชะลอตัว โดยอัตราการบริโภคน้ำมันในประเทศลดลงกว่า 2% และ GDP ทั้งปีคาดว่าจะเติบโตเพียงราว 1% แต่ PTG ยังสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ซึ่งไม่ได้พึ่งพาการจำหน่ายน้ำมันเป็นหลัก ปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต คือการมีฐานสมาชิกบัตร PT Max Card ที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีการใช้งานบัตรเขียว (พรีเมียร์) เฉลี่ยเดือนละ 100,000-200,000 รายการ ส่วนบัตรแดงอยู่ที่ประมาณ 10,000 รายการต่อเดือน ทั้งนี้ปัจจุบันมีสมาชิกบัตรพรีเมียร์ (บัตรเขียว) มากกว่า 2 ล้านราย และบัตรแดงรวมกว่า 15 ล้านราย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักที่มีการใช้บริการซ้ำและสร้างรายได้อย่างมั่นคง
ในส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์ เช่น Subway ที่ PTG เป็นผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์หลักในประเทศไทย แม้จะมีประเด็นเกี่ยวกับเจ้าของแฟรนไชส์ในต่างประเทศ แต่บริษัทก็ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในไทยแต่อย่างใด โดยยังคงดำเนินกลยุทธ์ขยายสาขาอย่างต่อเนื่องผ่านรูปแบบแฟรนไชส์ 100% เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมยึดหลักคุณภาพมาตรฐานระดับญี่ปุ่นในการบริหารจัดการ
ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจดูแลรถยนต์ภายใต้แบรนด์ “Autobacs” ที่ PTG ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ในประเทศไทย ก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพงานบริการและการดูแลหลังการขาย พร้อมทั้งยืนยันแนวทางการยกระดับมาตรฐานบริการให้อยู่ในระดับ “Japanese Quality” ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของแบรนด์ในตลาดบริการหลังการขายของประเทศไทย
ด้านแนวโน้มการขยายธุรกิจน้ำมัน PTG ยังคงเดินหน้าในแนวคิด “ไข่ดาว” โดยขยายสถานีบริการจากชานเมืองและหัวเมืองใหญ่เข้าสู่เขตเมืองชั้นใน โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเปิดสถานีใหม่จำนวน 14 สาขา และในปีนี้คาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นอีก 30% หรือราว 42 สาขา ปัจจุบันมียอดขายน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 8,200 แก้วต่อวัน (เฉพาะในธุรกิจเครื่องดื่ม)
“จากภาพรวมทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า PTG กำลังเดินหน้าสู่อนาคตอย่างมั่นคง ทั้งในแง่ของการขยายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพลังงานสะอาด การเพิ่มทางเลือกบริการที่หลากหลาย และการบริหารฐานลูกค้าด้วยระบบสมาชิกที่เข้มแข็ง โดยทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายพิทักษ์ กล่าวทิ้งท้าย