
“กัณฑรา” ชี้หุ้นไทย Valuation ต่ำ หนุน “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้า ลุ้น SET วิ่งทดสอบ 1,280 จุด
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ชี้หุ้นไทย Valuation ต่ำกว่าพื้นฐาน ดึงเงินทุน “ต่างชาติ” ไหลเข้า มอง SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อ เป้าระยะกลางทดสอบแนวต้าน 1,280 จุด
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ 25 ม.ค.68 ว่าในช่วงที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง คือ Valuation หรือมูลค่าพื้นฐานของหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ
โดยช่วงนี้เริ่มเห็นสัญญาณว่า นักลงทุนต่างชาติ เริ่มกลับมาให้ความสนใจตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เนื่องจากเริ่มมองว่ามูลค่าตลาดที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และในแง่ปัจจัยพื้นฐานจริงๆ ดัชนี SET ควรจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1,180 จุด ก่อนหน้านี้ลงไปเคลื่อนไหวแถวๆ 1,050–1,060 จุด
ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติรอบนี้ มีแนวโน้มลงทุนระยะยาวจากการประเมินปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไทยมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยนโยบายลงประมาณ 0.75% ถึง 1% รวมถึงประเมินรายได้ภาครัฐ อาทิ รายได้จากภาษีอาจจะดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยผลักดันให้ภาพรวมของตลาดกลับมาน่าสนใจ
หากมองในอีกมุมหนึ่ง หลายคนอาจตั้งคำถามว่าแม้ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ดีในช่วงนี้ แต่ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยก็ยังมีแรงกดดันอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นภาษีการค้าสหรัฐฯ รวมไปถึงกรณีล่าสุดเกี่ยวกับชายแดนไทย-กัมพูชา
“ในกรณีของกัมพูชา แม้จะสร้างความกังวลอยู่บ้าง แต่หากพิจารณาเชิงเปรียบเทียบ ศักยภาพของไทยยังถือว่าเหนือกว่าในหลายด้าน” นายกัณฑรา กล่าว
แน่นอนว่า มีหุ้นบางตัวที่ได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์ ยกตัวอย่าง SAV ที่มีความเชื่อมโยง 100%, CBG ประมาณ 13%, AEONTS ราว 8%, BH ราว 5%, ส่วน CBF และ BTG ได้รับผลกระทบประมาณ 3–4% ขณะที่หุ้นอื่นๆ เช่น SCC หรือ OR กระทบประมาณ 2–3% และในกลุ่มธนาคารอย่าง BBL, KBANK และ SCB มีผลกระทบเพียงประมาณ 1% เท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจำกัดอยู่ในวงแคบ และไม่รุนแรงต่อภาพรวมของตลาด
ส่วนประเด็นใหญ่ที่นักลงทุนกำลังเฝ้ารอกันอยู่ในขณะนี้อย่าง ภาษีการค้าระหว่างสหรัฐ มองว่าหากประกาศออกมาช่วงต้นสัปดาห์หน้า อยู่ที่ระดับ 25%, 20% หรืออาจจะต่ำกว่านั้น จะผลกระทบต่อทิศทาง SET เกิดภาวะ “Sell on fact” เพราะข่าวดีส่วนใหญ่ได้ถูกคาดการณ์ล่วงหน้าและสะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นแล้ว ทั้งนั้น ดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมาช่วงที่ผ่านมาก็เป็นผลจากการรวมข่าวดีหลายอย่างเข้าด้วยกัน แม้ข่าวที่ออกมาจะเป็นบวกตามคาด แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันตลาดให้ไปต่อได้ทันที และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดแรงขายทำกำไรตามมา
สำหรับปรากฏการณ์ Sell on fact ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ นักลงทุนน่าจะมีคำถามว่าจังหวะแบบนี้ควรทำอย่างไรนั้น สำหรับคนที่ยังไม่ได้เข้าตั้งแต่ SET ทำจุดต่ำสุดก่อนหน้านี้ ตอนนี้อาจยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะที่จะเข้าลงทุนทันที ควรรอให้มีการปรับฐานเกิดขึ้นอีกครั้งก่อน
แนวโน้มของตลาดในรอบนี้เริ่มมีลักษณะของ “ยกโล” หรือการทำจุดต่ำใหม่ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมเคยลงไปแตะระดับ 1,050 จุด แล้วเริ่มยกฐานขึ้นในรอบถัดมา ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มเชิงบวกในระยะกลาง
ส่วนแนวต้านระยะกลางของตลาดในรอบนี้ ประเมินว่ามีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับประมาณ 1,250 – 1,280 จุด ซึ่งยังเป็นกรอบเป้าหมายที่เป็นไปได้ในระยะถัดไป
สุดท้ายนี้ มองว่าภาพรวม SET ช่วงนี้ยังถือว่าดูดี แม้ว่าในวันนี้ ค่าเงินบาทอาจจะดูอ่อนลงไปเล็กน้อย แต่หากมองย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่าค่าเงินบาทแข็งค่ามาอย่างต่อเนื่อง จุดที่น่าสังเกตคือ ค่าเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถบ่งชี้ถึงทิศทางของเงินทุนต่างชาติ หรือ (Fund Flow) ได้ชัดเจน และถ้าดูจากช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติยังคงมีการเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ ผมยังเชื่อว่าเม็ดเงินจากต่างชาติจะยังคงมีบทบาท และจะยังมีโอกาสเห็นฟันด์โฟลว์เข้ามาต่อเนื่องในระยะถัดไป